ย้ายด่วน “ดาบตำรวจ” พัทยา รีดเงินบุหรี่ไฟฟ้า 6 หมื่น กลุ่มทัวร์ชาวจีน
ผู้การชลบุรี สั่งย้ายด่วน “ดาบตำรวจ” เมืองพัทยา รีดไถเงินบุหรี่ไฟฟ้า 6 หมื่น กลุ่มทัวร์ชาวจีน หลังมีคลิปว่อนโซเชียล
กรณี “ดาบตำรวจ” เมืองพัทยา รีดไถเงินบุหรี่ไฟฟ้า 6 หมื่น กลุ่มทัวร์ชาวจีน จากการเผยแพร่ข้อความในกลุ่มไกด์ทัวร์ กรณีลูกทัวร์ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จับกุมบุหรี่ไฟฟ้า และถูกเรียกค่าปรับเป็นเงิน จำนวน 6 หมื่นบาท ซึ่งต่อมานักท่องเที่ยวได้มีการต่อรอง จนทำให้เหลือ 3 หมื่นบาท โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นในเขตเมืองพัทยา และมีคลิปภาพถ่ายยืนยัน ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
จากกรณีดังกล่าว ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ พล.ต.ต. กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้มีหนังสือ สั่งการให้ พ.ต.อ.กุลชาต กุลชัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา ตรวจสอบข้อเท็จจริง เบื้องต้นทราบว่า บุคคลที่ปรากฏตามภาพข่าว คือ ดาบตำรวจ ผู้บังคับหมู่งานจราจร สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ซึ่งต่อมา ผกก.สภ.เมืองพัทยา ได้ทำการตรวจสอบ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง จึงมีคำสั่งให้ ดาบตำรวจคนดังกล่าวไปช่วยงานธุระการป้องกันและปราบปราม
ล่าสุด เพื่อให้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติ ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี โดย พลตำรวจตรี กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี จึงได้มีคำสั่งที่ 34/2556 ลงวันที่ 31 มกราคม 2566 ให้ ดาบตำรวจนพกฤษฎ์ ไปปฏิบัติราชการ ณ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัด ชลบุรี โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งเดิม และมีคำสั่งที่ 35/2556 ลงวันที่ 31 มกราคม 2566 แต่งตั้ง คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยละเอียดจะรายงานให้ทราบในคราวต่อไป
กรณีดังกล่าว พลตำรวจตรี กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้สั่งการ ให้คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุ และพยานบุคคลอื่นๆ เพื่อให้ได้รายละเอียดพฤติการณ์นำไปสู่การดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป และเพื่อรักษาภาพลักษณ์ที่ดีให้กับการท่องเที่ยวเมืองพัทยา
พร้อมขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ หากพบการกระทำผิดกฎหมาย หรือก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น สามารถแจ้งไปยังสถานีตำรวจในพื้นที่ หรือหมายเลข โทรศัพท์ 191 ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีจะได้ดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป