แก๊งวัยรุ่นซ่า หวิดตายหมู่ 'ขอสามช่า' รถพ่วง ถูกสาดกระสุนยิงถล่ม
แก๊งวัยรุ่นอู่ทอง กลับจากงานเลี้ยง ระหว่างทาง ขอซ่า “ขอสามช่า” รถบรรทุกพ่วง แต่โชเฟอร์เข้าใจผิด คิดว่าถูกด่า กลับไปบ้านขับกระบะ คว้าอาวุธปืน ยิงถล่มเกือบ 20 นัด หวิดตายหมู่
หวิดตายหมู่ 'ขอสามช่า' รถบรรทุกพ่วง เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 9 ก.พ. 66 ร.ต.อ.วีระชัย ร้อยศรี พนักงานสอบสวน สภ.อู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่ชาวบ้าน เหตุเกิดในหมู่บ้านสะเดาเดือด ที่หมู่ 9 ตำบลอู่ทอง หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชา ได้รับทราบ จากนั้นจึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน
ที่เกิดเหตุพบ นายอภิเชษฐ์ อายุ 37 ปี ชาวบ้านในระแวกใกล้เคียง อยู่ในอาการตกใจ พร้อมกับเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนพร้อมน้องๆในหมู่บ้าน เพิ่งกลับจากงานเลี้ยงในหมู่บ้าน โดยได้จอดรถได้ไม่นาน จู่ๆ ก็มีคนขับรถมาจอดยิงใส่ รถเก๋งมิตซูบิชิ Attrage สีขาว หมายเลขทะเบียนชลบุรี ซึ่งเป็นรถของตน โดยกระสุนเจาะเข้าประตูซ้าย ทะลุท้ายรถ
ตนพร้อมน้องๆ วัยรุ่น 10 กว่าคน ต่างวิ่งหลบหนีกระสุนที่ยิงสาดมาเป็นชุด และกระสุนยังไปถูก รถเก๋ง ฮอนด้า สี แดง ดำ ทะเบียนสุพรรณบุรี กระสุนเจาะเข้าที่ประตูขวา ภายในรถยังพบหัวกระสุนตกค้างอยู่ที่กระจกหน้ารถ ห่างไปประมาณ 200 เมตร พบปลอกกระสุน ขนาด 9 มม. ตกอยู่ 15 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ชาวบ้านหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ มีคนรถบรรทุกพ่วง ขับผ่านมาที่ถนนในหมู่บ้าน จากนั้นมีกลุ่มวัยรุ่นที่กลับจากงานเลี้ยง กำลังนั่งคุยกันอยู่ และมีวัยรุ่นในกลุ่มจะเดินข้ามไปปัสสาวะ กระทั่งมีรถบรรทุกพ่วงขับผ่านมา จึงได้ส่งสัญญาณมือ เพื่อขอแตรสามช่า ซึ่งโชเฟอร์ ได้บีบแตรให้ แต่จังหวะนั้น กลุ่มวัยรุ่นที่นั่งคุยกันประมาณ 10 คน คุยกันเสียงดัง ทำให้โชเฟอร์รถเข้าใจผิดนึกว่าโดนตะโกนด่า
จึงขับรถกลับบ้านไป ไม่นานก็ขับรถ อีซูซุ ดีแม็กซ์ 4 ประตู สีบอร์น-เทา ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับวนมาดู
ซึ่งจำได้ว่าคนขับรถกระบะ เป็นคนเดียวกันกับคนขับรถบรรทุกพ่วง เนื่องจากบ้านอยู่ไม่ไกล หลังจากมาวนดูแล้ว ได้ขับรถออกไป ก่อนจะจอดรถให้คนนั่งด้านหลัง เปิดประตูและใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงไม่ยั้ง จนหมดแม็ก ก่อนที่จะเร่งเครื่องหลบหนีไป
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า สาเหตุคาดว่า คนร้ายที่ก่อเหตุ น่าจะเข้าใจผิดคิดว่ากลุ่มวัยรุ่นตะโกนด่า จึงขับรถมาก่อเหตุ ซึ่งจะได้สืบสวนติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป