ตอบโจทย์ปัญหา "ฝุ่น PM 2.5" คอรัล ไลฟ์ ชูนวัตกรรมสร้างอากาศดีภายในอาคาร

ตอบโจทย์ปัญหา "ฝุ่น PM 2.5" คอรัล ไลฟ์ ชูนวัตกรรมสร้างอากาศดีภายในอาคาร

"คอรัล ไลฟ์" ตอบโจทย์การแก้ปัญหา "ฝุ่น PM 2.5" ใช้เทคโนโลยีจัดการคุณภาพอากาศภายในอาคารแบบโทเทิลโซลูชั่น สร้างอากาศสะอาดให้กับผู้อยู่อาศัย เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไตรมาส 2 ปีนี้

จากสถานการณ์ความรุนแรงของฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 ที่กำลังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนไทย เทพฤทธิ์ ทิพชัชวาลวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอรัล ไลฟ์ จำกัด (Coral Life) เปิดเผยว่า บริษัท คอรัล ไลฟ์ ในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจด้านอาคารประหยัดพลังงานและคุณภาพอากาศภายในแบบครบวงจร ด้วยการออกแบบและติดตั้งระบบแบบโทเทิลโซลูชั่น (Total Solution) สำหรับอาคารและบ้านพักอาศัยทุกประเภท ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง

โดยหลังบริษัทเปิดดำเนินธุรกิจเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ได้มีการพัฒนาองค์ความรู้ที่มีหลักฐาน และผลทดสอบทางวิทยาศาสตร์ยืนยันคุณภาพของเทคโนโลยีต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำมาใช้ในการออกแบบติดตั้งในอาคารขนาดใหญ่ของลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทธุรกิจ และองค์กรชั้นนำของประเทศ หลายบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้แต่ละอาคารที่บริษัทได้ทำการออกแบบก่อสร้างสามารถที่จะลดการใช้พลังงานไปได้มาก

ตอบโจทย์ปัญหา \"ฝุ่น PM 2.5\" คอรัล ไลฟ์ ชูนวัตกรรมสร้างอากาศดีภายในอาคาร

ในขณะเดียวกันยังใช้เทคโนโลยีระบบ HVAC ซึ่งเป็นการรวม 4 ฟังก์ชั่น การทำงานได้แก่ ระบบแอร์คอนดิชั่น หรือ ระบบทำความเย็น,ระบบระบายอากาศ,ระบบการฟอกอากาศ และ ระบบการควบคุมความชื้น ร่วมกับระบบ IOT หรือ ระบบแสดงผลและควบคุมคุณภาพอัจฉริยะ จนได้ระบบเฉพาะที่เรียกว่า "คอรัล โซลูชั่น" ซึ่งถือเป็นระบบเฉพาะของบริษัทคอรัล ไลฟ์ (Coral Life) ที่ใช้ในการจัดการคุณภาพอากาศภายในอาคาร ซึ่งนอกจากจะประหยัดพลังงานกว่า 70% แล้ว ยังสามารถทำให้อากาศภายในอาคารมีคุณภาพที่ดีตลอด 24 ชั่วโมงได้อีกด้วย

"ที่ผ่านมาหลังการส่งมอบอาคารให้กับลูกค้า เช่น บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ได้รับเสียงสะท้อนยืนยันคุณภาพอากาศหลังการเข้าใช้งาน ว่าพนักงานที่ทำงานภายในบริษัททำงานระบุว่า รู้สึกสบาย ไม่มีปัญหาสุขภาพในระหว่างการทำงานภายในอาคาร ทำให้เห็นนัยสำคัญด้านสุขภาพในเชิงบวกอย่างเห็นได้ชัด และการมีสุขภาพดี ย่อมส่งผลต่อการคุณภาพการทำงานของพนักงานด้วย

ตอบโจทย์ปัญหา \"ฝุ่น PM 2.5\" คอรัล ไลฟ์ ชูนวัตกรรมสร้างอากาศดีภายในอาคาร

ยกตัวอย่างเช่น ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ค่า PM 2.5 ในอาคารมีค่าอยู่ที่ 5 μg/m3 ในขณะที่ค่า PM 2.5 ภายนอกอาคารมีค่าประมาณ 130 - 150 μg/m3 ซึ่งมีผลลัพธ์ที่พิสูจน์เป็นตัวเลขได้อย่างชัดเจน" นายเทพฤทธิ์กล่าว

นอกจากเทคโนโลยีในรูปแบบ “คอรัล โซลูชั่น” (Coral Solution) แล้วที่ยังคงพัฒนาตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาแล้ว บริษัทคอรัล ไลฟ์ (Coral Life) ยังเตรียมเพิ่มบุคคลากรที่มีศักยภาพเข้ามาเสริมกำลังรองรับการเติบโตของธุรกิจของบริษัท แม้ว่าขณะนี้บุคลากรด้านสิ่งแวดล้อมยังมีจำนวนไม่เพียงพอ แต่สำหรับคอรัล ไลฟ์ (Coral Life) ที่มีการพัฒนาบุคคลากรด้วยการทำการศึกษาวิจัยมาอย่างต่อเนื่องทำให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถนำบุคคลากรรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเข้ามาเสริมทีมได้
 

เทพฤทธิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มทางธุรกิจของคอรัล ไลฟ์ (Coral Life) ในปี 2566 นั้น มั่นใจว่ามีแนวโน้มสดใส ทั้งในส่วนของธุรกิจด้านอาคารประหยัดพลังงาน และ ระบบจัดการคุณภาพอากาศภายใน เนื่องจากปัจจุบันกลุ่มอาคารขนาดใหญ่ และบริษัทธุรกิจต่างๆ ล้วนมีวิสัยทัศน์ด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ที่รวมไปถึงการประหยัดพลังงาน และบริหารจัดการธุรกิจแบบกรีน อิโคโนมี่ (Green Economy) มากขึ้น จึงถือเป็นโอกาสของบริษัทคอรัล ไลฟ์ (Coral Life) เพราะขณะนี้ในตลาดยังไม่มีผู้ที่ดำเนินการในรูปแบบโทเทิลโซลูชั่น (Total Solution) แต่เป็นเพียงการบริหารจัดการเป็นส่วนๆ เท่านั้น

โดยหากเทียบกับการเติบโตของบริษัทตั้งแต่ดำเนินธุรกิจและเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2564 พบว่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 70% ทั้งที่ไม่มีการทำการตลาดใดๆ เลย จึงเชื่อว่าหลังการเปิดตัวบริษัทอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ บริษัทจะมีรายได้ที่โตขึ้นมากกว่า 100% และมั่นใจว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะเติบโตขึ้นสู่ระดับพันล้าน

พร้อมกันนี้ เทพฤทธิ์ ยังกล่าวถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์หลายอย่าง โดยสาเหตุเกิดขึ้นจากการเผาไหม้ และการใช้พลังงานที่ไม่สะอาด ที่ทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 และเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งถือเป็นปัญหาที่ต้องการการร่วมมือกันทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน หรือประชาชน

โดยในมุมของภาคเอกชนควรจะเสาะหาเทคโนโลยีที่จะสามารถช่วยลดสาเหตุที่จะทำให้เกิดมลภาวะ ลดการใช้พลังงาน และให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่ส่วนของภาครัฐควรออกนโยบายในการส่งเสริม สนับสนุน หรืออาจจะต้องยกระดับไปถึงการบังคับใช้กฎหมายด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมให้มีความเข้มขึ้นขึ้นเป็นไปตามลำดับขั้นเพื่อให้การแก้ปัญหาเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน

"ในส่วนของผู้บริโภค ผมคิดว่าส่วนใหญ่ตื่นตัว และหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะทุกคนห่วงใยสุขภาพของตัวเอง ในขณะที่ปัจจุบันสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย การหาข้อมูลเทคโนโลยี เพื่อตอบสนองความต้องการรักษาสุขภาพเป็นเรื่องที่สำคัญผู้บริโภคต้องทำการบ้านหาข้อมูลสิ่งที่เราจะใช้เพราะบางครั้งผลิตภัณฑ์โฆษณาเกินจริง ไม่มีการรับรองทางวิทยาศาสตร์ วัดผลไม่ได้ทางวิทยาศาสตร์ ก็จะทำให้เกิดปัญหาไม่ได้ผลจริงต่อสุขภาพ" นายเทพฤทธิ์ กล่าว