อัปเดต วอด 100 ล้าน! ไฟไหม้เรือเฟอร์รี่ 3 ลำ ชาร์จไฟฟ้า ท่าเรือย่านปู่เจ้าฯ

 
เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 ศูนย์วิทยุ 191 จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีเหตุไฟไหม้เรือ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้เคียงกับวัดท้องคุ้ง ถนนปู่เจ้าสมิงพราย อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงวิทยุด่วนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงใต้ รีบเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมวิทยุขอกำลังสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ป้องกันภับจังหวัดสมุทรปราการ , เจ้าหน้าที่ดับเพลิง และรถน้ำ รถดับเพลิงจากเทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพราย และ เทศบาลใกล้เคียง รวม 5 คัน ให้เข้าระงับเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว

หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง เดินทางไปถึง พบว่า เพลิงกำลังลุกไหม้ เรือที่จอดอยู่บริเวณท่าเทียบเรือ จำนวน 3 ลำ โดยท่าเทียบเรือดังกล่าว มีเรือที่จอดอยู่ทั้งสิ้น รวม 6 ลำ เบื้องต้นขณะเจ้าหน้าที่ดับเพลิง กำลังเข้าสกัดเพลิงที่กำลังลุกไหม้ ได้เกิดการระเบิดขึ้นภายในเรือ โดยมีเสียงดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว จนทำให้เจ้าหน้าที่ต้องถอยร่นออกมาจากพื้นที่เกิดเหตุ เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตรายจากการระเบิดดังกล่าว

 

สำหรับสาเหตุของการเกิดเพลิงลุกไหม้ และการระเบิดในครั้งนี้ ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ

ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังติดต่อเจ้าของเรือ รวมทั้งผู้ดูแลเรือ เข้ามาสอบสวน เพื่อหาสาเหตุของการเกิดเพลิงใหม้ในครั้งนี้ต่อไป อย่างไรก็ตาม สำหรับเรือที่ถูกไฟไหม้ในครั้งนี้ จากการตรวจสอบในเบื้องต้น ทราบว่า เป็นเรือแบบเฟอร์รี่ ซึ่งมักใช้ในการท่องเที่ยวทางทะเล โดยเจ้าของเรือส่วนใหญ่ มักจะนำ เรือมาจอดเทียบท่าเอาไว้ในบริเวณดังกล่าว ซึ่งตามปกติแล้ว จะต้องมีผู้ดูแล หรืออาจจะต้องเสียค่าบริการในการจอดเรือด้วย

 

จากการสอบถาม ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า เรือดังกล่าวเป็นเรือไฟฟ้า ก่อนเกิดเหตุมีเสียงระเบิดดังขึ้น ก่อนที่เพลิงจะลุกไหม้ คาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากแบตเตอรี่ในเรือ ซึ่งเรือทั้งหมดเป็นเรือไฟฟ้าที่กำลังชาร์จไฟ หรือแบตเตอรี่ ในบริเวณที่จอดแห่งนี้ ซึ่งขณะเกิดเหตุก็พบว่า ไฟได้ลุกไหม้เรือไปแล้ว ทั้งนี้ บริเวณท่าเทียบเรือ ก็มีที่ชาร์จแบตเตอรี่เรือติดตั้งไว้ ส่วนสาเหตุที่แท้จริงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งเบื้องต้นเพลิงได้ลุกไหม้เรือ ได้รับความเสียหายทั้งหมด 3 ลำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเรือที่จอด และถูกเพลิงไหม้นั้น เป็นเรือที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการบำรุงรักษา โดยเรือทั้ง 6 ลำที่จอดอยู่นั้น จอดอยู่ที่บริเวณท่าเรือเอกชนรายหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ถนนปู่เจ้าสมิงพราย ตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โดยเรือทั้ง 6 ลำ เป็นเรือประเภทใช้พลังงานไฟฟ้านำเที่ยว ซึ่งขณะเกิดเหตุได้เกิดการระเบิด จนทำให้ส่งเสียงดังไปทั่วบริเวณ จากนั้นจึงเกิดเปลวไฟลุกไหม้ตามมา จนทำให้เพลิงที่ลุกไหม้ เผาผลาญเรือที่จอดอยู่ไปถึง 3 ลำ จนได้รับความเสียหายทั้งหมด ส่วนมูลค่าความเสียหายนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากต้องรอการสำรวจอีกครั้ง

ส่วนสาเหตุ เบื้องต้นคาดว่า น่าจะมาจากแบตเตอรี่ในเรือ ซึ่งเรือทั้งหมดเป็นเรือไฟฟ้าที่กำลังชาร์จไฟ หรือแบตเตอรี่ ในบริเวณที่จอดแห่งนี้ ซึ่งขณะเกิดเหตุพบว่า ไฟได้ลุกไหม้เรือไปแล้ว ทั้งนี้ บริเวณท่าเทียบเรือ ก็มีที่ชาร์จแบตเตอรี่เรือติดตั้งไว้ ส่วนสาเหตุที่แท้จริงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้ง

ขณะที่ พ.ต.อ.สมชาย ชูแก้ว ผกก.สำโรงใต้ เปิดเผยว่า เหตุเพลิงไหม้เรือในครั้งนี้ เบื้องต้นพบว่า เพลิงได้เผาเรือจนได้รับความเสียหายทั้งหมด 3 ลำ จากจำนวน 6 ลำ โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาดับเพลิงนานประมาณ 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ทั้งนี้จากเหตุไฟไหม้ดังกล่าว โชคดีที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บขณะเกิดเหตุ โดยขณะนี้ได้ประสานงานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลัก เพื่อเข้าตรวจสอบหารายละเอียดของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้แล้ว

 

อัปเดต วอดกว่า 100 ล้าน ไฟไหม้เรือไฟฟ้าเฟอร์รี่ หรู 3 ลำ

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงใต้ สมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้เรือเฟอร์รี่ บริเวณท่าเทียบเรือเอกชนแห่งหนึ่ง ริมแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้วัดท้องคุ้ง ถนนปู่เจ้าสมิงพราย ตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงประสานรถดับเพลิงจากเทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพราย และ เทศบาลใกล้เคียง รวม 5 คัน รุดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุเป็นท่าเรือเอกชนที่ใช้สำหรับจอดชาร์จเรือไฟฟ้า ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เจ้าหน้าที่ พบ เพลิงกำลังลุกไหม้เรือเฟอร์รี่ ที่จอดเทียบท่าเรียงกัน จำนวน 12 ลำ โดยเพลิงลุกไหม้เรือดังกล่าวอย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องระดมกำลังกันฉีดน้ำสกัดเพลิงที่ลุกโหมไหม้เรือ เพื่อไม่ไห้เพลิงลุกลามไหม้เรือที่จอดอยู่ข้างกัน แต่การควบคุมเพลิงก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากขณะเกิดเหตุมีกระแสลมแรง

โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้การดับเพลิงทั้งจากทางพื้นบก และ เรือดับเพลิงจากกรมเจ้าท่า และ มูลนิธิร่วมกตัญญู สูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระเจ้าควบคุมเพลิง กว่าจะควบคุมเพลิงไว้ได้ ต้องใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ จากการตรวจสอบพบเพลิงลุกไหม้เรือเฟอร์รี่ เสียหาย จำนวน 3 ลำ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือ เสียชีวิตแต่อย่างใด

 
    จากการสอบถาม ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า เรือดังกล่าวเป็นเรือเฟอร์รี่ไฟฟ้า ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอร์รี่ โดยที่ รปภ รายงานว่าก่อนเกิดเหตุมีเสียงระเบิดดังขึ้น ก่อนที่เพลิงจะลุกไหม้ คาดว่าน่าจะเป็นแบตเตอรี่ในเรือ ซึ่งเรือทั้งหมดจะมาชาร์ตแบตเตอรี่ที่นี้ ซึ่งที่ตนเองเข้ามาไฟก็ได้ลุกไหม้แล้ว บริเวณเป็นท่าเทียบเรือที่มี ที่ชาร์ตแบตเตอรี่เรือติดตั้งไว้ ส่วนสาเหตุที่แท้จริงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งเบื้องต้นเพลิงลุกไหม้เรือเรือเสียหายไปแล้ว 3 ลำ

นายอัครพล ตุรษงาม  อายุ 48 ปี คนดูแล เล่าว่า เพลิงเกิดจากพื้นเรือลำที่ 9 ซึ่งบริเวณดังกล่าวจอดอยู่ 5 ลำ ก่อนที่จะย้ายเรือหนีเพลิงไหม้ได้ 2 ลำ โดยในท่าเรือมีเรือทั้งหมด 12 ลำ โดยเรือที่ไหม้เป็นเรือใหม่รอส่งงาน ซึ่งเรือแต่ละลำราคาประมาณ 40 ล้านบาท

นายพชร ศศิชาชยามร ปภ จังหวัดสมุทรปราการ เผยว่า ที่เรือจอดอยู่ที่นี้ทั้งหมด 12 ลำ ได้รับความเสียหาย 3 ลำ เสียหายเล็กน้อย 1 ลำ ซึ่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงหลายหน่วยงานเข้าควบคุมเพลิงดังกล่าว ขณะนี้เพลิงเกือบสงบลงแล้ว มีการปะทุบ้างเล็กน้อย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นทางจังหวัดได้ไห้ความสำคัญ เนื่องจากมีแผนป้องกันภัยทางน้ำ ซึ่งประชุมผ่านไปแล้วและรอประกาศ ส่วนเรื่องทางมลพิษได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งจะลงพื้นที่ตรวจวัดมลพิษต่อไป ส่วนสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ตนนี้ยังไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไร

นายฉัตรชัย เวชสาร ผอ.เจ้าท่าสมุทรปราการ เผยว่า เบื้องต้นจากการสอบถาม พบว่าเรือที่เกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว เป็นเรือที่สร้างขึ้นใหม่ยังไม่มีการส่งมอบ ซึ่งเพลิงไหม้เสียหาย 3 ลำ และ จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาสาเหตุของการเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ถ่ายรูป และ ทำแผนที่ไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะประสานผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำเพิ่มเติมที่โรงพักกับเหตุการณ์ดังกล่าว ก่อนที่จะประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ลงตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ต่อไป สำหรับเรือเฟอร์รี่ดังกล่าวเป็นของบริษัทเอกชนรายใหญ่แห่งหนึ่ง บริษัท ไมน์ โมบิลิตี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MMC) ซึ่งเป็นของคนไทย โดยเรือชนิดดังกล่าวเป็นเรือนำเที่ยวแบบใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ซึ่งมีรายงานมูลค่าลำละไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท