มรดก 30 ล้าน เงินรางวัลที่ 1 วุ่น อดีตเมียโวยพี่เสี่ยปาน ไม่จ่ายค่าเลี้ยงลูก
อัปเดต มรดกจากเงินถูกรางวัลที่ 1 กว่า 30 ล้านวุ่น อดีตเมียโวยพี่สาว "เสี่ยปาน" เบี้ยวไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูลูกชาย กลายเป็นเรื่องแล้ว
มรดก เสี่ยปาน ถูกหวยรางวัลที่ 1 กว่า 30 ล้าน วุ่นแล้ว หลังจากเจ้าตัวเสียชีวิตด้วยโรคร้ายเมื่อเดือน พ.ค. 2565 ล่าสุด อดีตเมียเสี่ยปาน ร้องถูกพี่สาวเสี่ยปานเบี้ยวไม่จ่ายเงินค่าเลี้ยงดูลูกชาย เป็นรายเดือนและเงินอีก 2 ล้านบาทที่รับปากจะให้ หลังขายที่ดินได้ ขณะที่พี่สาวเสี่ยปานโต้ เรื่องยังไม่เสร็จ ขายที่ได้ 3 ล้านคุยกันตอนแรกจะเอา 2 ล้านแต่สุดท้ายอยากได้ 3 ล้านทั้งหมดพูดกลับไปกลับมา พี่สาวเสี่ยปานพร้อมมาขึ้นศาลมานัดก่อนวันที่ 30 มี.ค. 66
จากกรณีเพจโหนกระแส ได้รับเรื่องร้องจากสาวที่อ้างว่าเป็นอดีตภรรยาเสี่ยปาน หรือนายยงยุทธ แก้วสวนจิก ชาวอ.หนองหาน จ.อุดรธานี ถูกหวย30ล้านบาท เมื่องวดวันที่ 16 ก.ย. 58 หมายเลข 743148 กลายเป็นเศรษฐี 30 ล้านบาท หลังจากเสี่ยปานเสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 พ.ค.65 ด้วยโรคมะเร็งทวารหนักระยะที่ 4 โดยเสี่ยปานได้ทำพินัยกรรมเอาไว้ก่อนเสียชีวิต มรดกส่วนใหญ่เจ้าตัวได้มอบให้กับลูกชายที่เกิดกับอดีตภรรยา
โดยมีพี่สาวของเสี่ยปานเป็นผู้จัดการมรดก อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ทีมเพจโหนกระแสได้รับการร้องเรียนจากอดีตภรรยาของเสี่ยปานว่า ลูกชายไม่ได้รับเงินตามที่ตกลงกันไว้ โดยตามพินัยกรรมของเสี่ยปานก่อนเสียชีวิต ระบุว่า จะมอบเงินให้ลูกชาย 2 ล้านบาท และให้พี่สาวของเสี่ยปานต้องจ่ายเงินรายเดือนให้ลูกชาย เดือนละ 7,000 บาท แต่นับตั้งแต่ตุลาคม 2565 เป็นต้นมา น.ส.มด อดีตภรรยาเสี่ยปานบอกว่า ไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ ตามที่ระบุในพินัยกรรม ทำให้อดีตภรรยาต้องออกมาฟ้องศาล เพื่อให้อีกฝ่ายดำเนินการตามพินัยกรรมโดยทั้งสองฝ่ายมีนัดขึ้นศาลอีกครั้งในวันที่ 30 มี.ค. นี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ฝ่ายพี่สาวของเสี่ยปานไม่ได้ไปขึ้นศาลตามนัด
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่งในบ้านหนองบ่อ ต.หนองหาน อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นที่ดินและตึกห้องแถวที่ น.ส.สุธีรา แก้วสวนจิก หรือ “เก้า” พี่สาวของเสี่ยปานอาศัยอยู่ โดยบ้านและที่ดินตรงนี้เสี่ยปาน 30 ล้านซื้อให้พี่สาวและพี่เขยปรากฏว่าไม่พบบ้านปิดเงียบ
ส่วนร้านก๋วยเตี๋ยวเดิมที่เสี่ยปานมาเสริฟช่วยพี่สาวมีคนอื่นเช่าไปแล้ว สอบถามจากชาวบ้านว่า พี่สาวไปทำงานที่ต่างจังหวัด และไม่เห็นพี่สาวเสี่ยปานมาเกือบ 2 เดือนแล้ว มีแต่สามีและลูกสาวของพี่สาวเสี่ยปานอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้
ต่อมา ผู้สื่อข่าวติดต่อพี่สาวเสี่ยปานได้ทางโทรศัพท์ เปิดเผยว่า มาทำงานช่วยเพื่อนทำร้านอาหารที่ จ.ภูเก็ต ส่วนเรื่องที่ดินของน้องชายและบ้านได้ขายไปแล้วราคา 3 ล้านบาท ส่วนเรื่องที่อดีตเมียเสี่ยปานไปร้องสื่อตนเองไม่ทราบเพราะไม่ค่อยได้ติดตามโซเซียล
พี่สาวเสี่ยปานบอกอีกว่า ในเรื่องขายบ้านและที่ดินหลังจากน้องชายเสียชีวิตก็ได้คุยกับอดีตภรรยาของเสี่ยปาน ตนก็บอกว่า ขายได้ 3 ล้านบาท แต่ มีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ คือ ค่านายหน้า ค่าภาษีที่ดิน และค่าอื่นๆ เหลือเงินอยู่ 2,500,000 บาท แต่ที่ยังไม่โอนให้อดีตภรรยาน้องชาย เพราะเขาอยากได้ 3 ล้านบาท
ตนก็อธิบายให้เขาฟังแล้วว่ามีค่าใช้จ่ายที่ต้องหัก ส่วนการส่งเงินให้ น้องเกาลัด ที่จะส่งให้ส่งเดือนละ 7 พัน เรื่องนี้ มีการฟ้องร้องกัน และตามพินัยกรรม เมื่อลูกชายอายุครบ 20 ปีถึงจะได้ 2 ล้านบาท ตอนแรกคุยกับอดีตเมียเสี่ยปานก็รู้เรื่อง แต่พอมาทีหลังกลับพูดเป็นแนวใหม่ และจะกลับอุดร เพื่อไปดำเนินการเรื่องฟ้องร้องมรดกเสี่ยปานก่อนวันที่ 30 มี.ค. 66
ทั้งนี้ ทางญาติเสี่ยปานไม่ขอเปิดเผยชื่อ บอกกับนักข่าวว่า เงินถูกหวยของเสี่ยปาน 30 ล้านตอนนี้ไม่เหลือแล้ว เพราะสมัยเสี่ยปานมีชีวิตอยู่รักลูกชายคือน้องเกาลัดมาก นอกจากจะส่งให้เดือนละ7,000 บาทแล้ว ยังแอบเอาเงินที่ถูกหวยไปให้อดีตเมียและลูกชายเรื่อยๆ จนเงินไม่เหลือ แต่ข้อเท็จจริงเหลือเท่าไร ยังไม่รู้เพราะพี่สาวเป็นผู้จัดการมรดก หลังเสี่ยปานชีวิตไปแล้ว ตอนนี้ คงเหลือแต่บ้านและที่ดินที่เสี่ยปานซื้อเอาไว้ โดยทราบว่าอดีตภรรยาอยากได้ตรงนี้ด้วย
ยันเรียกร้องสิทธิ์ให้ลูก ซัดผู้จัดการมรดกไม่ทำตามพินัยกรรม
9 มีนาคม 2566 ที่บ้านของนางสาวเสาวณีย์ ทองวิเศษ หรือ มด อายุ 37 ปี อดีตภรรยา นายยงยุทธ แก้วสวนจิก ชาว อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ถูกหวย เมื่องวดวันที่ 16 ก.ย. 58 กลายเป็นเศรษฐี 30 ล้านบาท นางสาวเสาวณีย์ กล่าวว่า หลังจากอดีตสามีเสียชีวิต ได้ทำพินัยกรรมไว้ก่อนเสียชีวิต มรดกส่วนใหญ่ได้มอบให้กับลูกชายโดยตามพินัยกรรมของเสี่ยปานก่อนเสียชีวิต ระบุว่า เมื่อลูกชายอายุครบ 20 ปี ให้มอบเงินกับลูกชาย 2 ล้านบาท และจ่ายเงินรายเดือนให้ลูกชาย เดือนละ 7,000 บาท โดยมี น.ส.สุธีรา แก้วสวนจิก หรือ “เก้า” พี่สาวของเสี่ยปานเป็นผู้จัดการมรดก
นับตั้งแต่ตุลาคม 2565 เป็นต้นมา น.ส.สุธีรา พี่สาวไม่ได้ดำเนินการใดๆ ตามที่ระบุในพินัยกรรม ซึ่งการออกมาเรียกร้องสิทธิ์ในครั้งนี้ เพราะต้องการให้ดำเนินการตามพินัยกรรม ให้ลูกชายได้รับตามที่ระบุไว้เท่านั้น ส่วนเงินที่ได้จากการขายที่ดิน หรือเงินที่เหลืออยู่ในบัญชีจะเท่าไรก็ตามไม่ได้สนใจ แล้วแต่ทางพี่สาวจะจัดการ
"ส่วนที่ต้องไปแจ้งความดำเนินคดีนั้น ได้เข้าแจ้งความ 2 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2565 แจ้งความกับ น.ส.สุธีรา ในข้อหายักยอกทรัพย์ เนื่องจากที่เคยพูดคุยตกลงกันไว้ว่าหากมีการซื้อขายที่ดินจะต้องแจ้งให้ทราบ แต่ผู้จัดการมรดกขายที่ดินโดยไม่บอกกล่าว และแจ้งความครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2566 ในข้อหายักยอกทรัพย์เช่นกัน เนื่องจากผู้จัดการมรดก ไม่ดำเนินการจ่ายเดือนละ 7 พันให้ลูกชาย จึงต้องแจ้งความ โดยทั้งสองฝ่ายมีนัดขึ้นศาลอีกครั้งในวันที่ 30 มี.ค. นี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ฝ่ายพี่สาวของเสี่ยปานไม่ได้ไปขึ้นศาลตามนัด” นางสาวเสาวณีย์ กล่าว