รอง ผบ.ตร. นำทีมจับมือ FBI ทลาย 'แก๊งคอลเซ็นเตอร์' เสียหายกว่า 3 พันล้านบาท
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ รอง ผบ.ตร. นำทีมจับมือ FBI-ยูเอสซีเคร็ท เซอร์วิส ปูพรมบุกค้น 36 จุดใน 4 จังหวัด ทลายรัง "คอลเซ็นเตอร์" ตุ๋นเหยื่อชาวอเมริกันกว่า 365 ราย เสียหายกว่า 3 พันล้านบาท หลังใช้ไทยเป็นฐานที่ตั้งก่อเหตุ
เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 66 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ และยูเอสซีเคร็ท เซอร์วิส สนธิกำลังตำรวจ บช.สอท. บก.ตม.3 ชุดปฎิบัติการพิเศษคอมมานโด ตำรวจชลบุรี และปปง.เปิดปฎิบัติการทลายรังคอลเซ็นเตอร์ ปิดล้อมตรวจค้น 36 เป้าหมาย ในพื้นที่ จ.ชลบุรี, จ.ระยอง, จ.สมุทรปราการ และ จ.ร้อยเอ็ด
โดยปฎิบัติการทลายรังคอลเซ็นเตอร์ ครั้งนี้เป็นการร่วมมือระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงาน สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐอเมริกา หรือ เอฟบีไอ และ United States Secret Service หรือซีเคร็ท เซอร์วิส ของประเทศสหรัฐอเมริกา ในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ
โดยจุดที่น่าสนใจเป็นการตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ใน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งบ้านดังกล่าวมีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยวหนึ่งชั้น จากการตรวจสอบพบ เอกสารหลักฐาน อาทิ สมุดบัญชีธนาคาร จำนวนมาก โทรศัพท์มือถือกว่า 10 เครื่อง รถยนต์ 4 อาวุธปืน1 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุน พร้อมกันนี้ได้เชิญตัวเจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นชายชาวอินเดีย พร้อมกับหญิงคนไทย 3 คน มาทำการสอบปากคำ
สืบเนื่องจากทั้งสองหน่วยงานของสหรัฐอเมริกา ได้รับรายงานว่า มีผู้เสียหาย ซึ่งเป็นพลเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกาถูกขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้อุบายหลอกเหยื่อ โดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ หลอกว่าธุรกรรมการเงิน และเงินในบัญชีของเหยื่อมีความผิดปกติ
รวมทั้งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยตลอดระยะเวลา 2 ปี พบมีผู้ตกเป็นเหยื่อ 365 ราย เสียหายกว่า 3 พันกว่าล้านบาท ซึ่งจากแนวทางการสืบสวนพบว่า มีการโอนเงินข้ามประเทศ และใช้ประเทศไทยเป็นฐานที่ตั้ง จึงได้นำข้อมูลสืบสวนหารือกับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ก่อนจะสั่งการให้ บช.สอท.ตรวจสอบ จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
รอง ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า ในส่วนของการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ถือเป็นภัยคุกคามที่สำคัญ และเป็นนโยบายแห่งชาติที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความสำคัญ ซึ่งทาง ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานเพิ่มความเข้มข้น สกัดกั้น ไม่ให้กลุ่มคนร้ายต่างชาติเข้ามาในประเทศไทย และใช้ประเทศไทยเป็นที่หลบซ่อน หรือเตรียมการในการกระทำความผิด
อย่างไรก็ตามจะทำการขยายผล พร้อมประสานงานกับทางสำนักงาน ปปง. ในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อทำการยึดทรัพย์ขบวนการนี้ต่อไป