โคบอลต์-60 ย้อนเหตุการณ์ 23 ปีก่อน จุดเริ่มต้นหายนะคร่าชีวิต ปชช.

ย้อนลำดับเหตุการณ์อุบัติเหตุทางรังสี "โคบอลต์ 60" จ.สมุทรปราการ เมื่อปี พ.ศ.2543 ที่มีประชาชนได้รับผลกระทบทั้งพิการและเสียชีวิต ซึ่งจากกรณีวัสดุกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 สูญหายจากโรงไฟฟ้า จังหวัดปราจีนบุรี ล่าสุดก็สร้างความกังวลใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมากนั้น

สำหรับอุบัติเหตุทางรังสี "โคบอลต์ 60" จ.สมุทรปราการ หากย้อนกลับไปเมื่อต้นปี พ.ศ.2543 กรณีที่พ่อค้าซาเล้งรับซื้อของเก่า ได้รับซื้อกล่องโลหะทรงกระบอกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 ซม. ยาวประมาณ 80 ซม. ในราคา 8,000 บาท จากบริเวณลานกว้างริมถนนอ่อนนุช

ต่อมา ได้นำมาเก็บไว้ที่บริเวณบ้านพักหลังจากสัมผัสแท่งเหล็กดังกล่าว เกิดอาการอาเจียน อ่อนเพลีย มีอาการคันที่มือทั้ง 2 ข้าง แต่ไม่ได้ทำการรักษาที่ไหน

พ่อค้าคนดังกล่าว นำชิ้นส่วนไปขายที่ร้านค้าของเก่า และทางร้านได้ให้คนงานผ่าแท่งเหล็กออกมาโดยบางส่วนที่ผ่าไม่สำเร็จ เจ้าของร้านได้มอบให้ผู้ค้าเร่รับซื้อนำกลับไปแยกชิ้นส่วนต่อที่บ้าน ก่อนที่จะนำมาขายอีกครั้งที่ร้านเดิม

ขณะเดียวกัน อาการป่วยของพ่อรับซื้อของเก่า เริ่มรุนแรงมากขึ้น ต้องไปรักษาที่ศูนย์บริการสาธารณสุขที่ 57 เมื่อตรวจอาการและซักประวัติแล้ว เข้าข่ายสงสัยว่าจะได้รับสารกัมมันตรังสีจึงนำไปสู่การแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและได้ดำเนินการกู้สารกัมมันตรังสี โคบอลต์-60 สำเร็จเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2543 

เหตุการณ์ดังกล่าวนำมาสู่การสูญเสีย ทั้งเสียชีวิต และส่งผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาวหลังได้รับรังสี ขณะที่บริเวณหน้าร้านรับซื้อของเก่ามีระดับรังสีสูงมาก ซึ่งในจำนวนผู้ป่วย 10 ราย ที่ได้รับปริมาณรังสีสูงจากต้นกำเนิดรังสีใน

จำนวนนี้มี 3 รายที่ทำงานร้านรับซื้อของเก่า เสียชีวิตในระยะเวลา 2 เดือนหลังจากได้รับรังสี นอกจากนี้ มีข้อมูลที่สรุปได้ว่ามีชาวบ้านในรัศมี 50-100 เมตรรวมพันกว่าคน ต้องเฝ้าระวังและตรวจสุขภาพทุก 6 เดือนด้วย

นอกจากนี้ ยังมีผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรัง และไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติจากการที่ได้รับผลกระทบจากสารอันตรายโคบอลต์-60 

บทสรุปคดี

ปี พ.ศ.2550 ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องกับศาลปกครองกลาง พิพากษาตัดสินให้สำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ จ่ายค่าสินไหมทดแทนรวมเป็นเงิน 5,222,301 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2543

คดีศาลแพ่ง ค่าเสียหายสมควรกำหนดหรือไม่ เพียงไร ศาลฎีกาพิพากษาให้บริษัทฯต้องชดใช้สินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายทั้ง 12 ราย รวมเป็นเงิน 529,276 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2543 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ

ข้อมูลประกอบจาก วารสารปรมาณูเพื่อสันติ