บุกค้น 4 จังหวัด ทลายเครือข่ายเงินกู้ออนไลน์ เงินหมุนเวียนพันล้าน
ตำรวจ ปอศ. ลุยบุกค้น 4 จังหวัด ทลายขบวนการเงินกู้ออนไลน์ 2 เครือข่าย จับได้ทั้งหัวหน้าขบวนการ-ลูกน้องรับจ้างวิ่งทวงหนี้ เน้นปล่อยสินเชื่อธุรกิจรายย่อย เรียกเก็บดอกเบี้ยสูงร้อยละ 547.5 ต่อปี เงินหมุนเวียนในช่วง 1 ปีสูงกว่าพันล้าน
ปฎิบัติการทลายเครือข่ายเงินกู้ออนไลน์ โดย พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. สั่งการ พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.5 บก.ปอศ. กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายหลายจุด ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร พิจิตร, สมุทรปราการ และจันทบุรี เพื่อกวาดล้างจับกุมขบวนการเงินเถื่อนกู้ออนไลน์ 2 เครือข่าย ประกอบด้วย “Burin-credit (บุรินทร์ เครดิต)” และ Memoney-Credit สินเชื่อเพื่อธุรกิจ
ปฏิบัติการดังกล่าว เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัว นายทศพล อายุ 29 ปี นายศักดิ์รินทร์ อายุ 29 ปี นายยุทธนา อายุ 27 ปี และ นายเกียรติศักดิ์ อายุ 21 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหา
1. ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต
2. เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกําหนด
3. ร่วมกันข่มขู่หรือใช้ความรุนแรงในการทวงหนี้
พร้อมกันนี้ ยังสามารถจับกุมกลุ่มพนักงานรับจ้างทวงหนี้ของเครือข่ายดังกล่าวในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต” อีก 7 ราย รวมถึงตรวจยึดของกลาง อาทิ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 13 เครื่อง โทรศัพท์ 38 เครื่อง ซิมการ์ดประมาณ 50 อัน เช็คค้ำประกันของลูกหนี้ 22 ใบ มูลค่ารวม 7,990,000 บาท รถยนต์หรูยี่ห้อ Mercedes Benz, BMW, TOYOTA, Hyundai ของลูกหนี้ 4 คัน
พ.ต.อ.เมฆพิศาล กล่าวว่า สำหรับปฏิบัติการดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อต้นปี 2565 ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) ได้รับแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับกลุ่มเครือข่ายเงินกู้ออนไลน์นอกระบบ “Burin-credit” มีพฤติการณ์เรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่สูง ซึ่งผู้กู้จะต้องจ่ายดอกเบี้ยรายวันในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อวัน หรือ ร้อยละ 547.5 ต่อปี จนกว่าจะมีเงินต้นมาชดใช้คืน หลังรับเรื่องจึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบสวนจนทราบว่ามีการกระทำดังกล่าวจริง
พ.ต.อ.เมฆพิศาล กล่าวต่อว่า โดยพฤติการณ์ของเครือข่ายดังกล่าวจะมีการเปิด เว็บไซต์ขึ้นมาใช้ชื่อว่า www.burin-credit.com ก่อนชักชวนให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปกู้เงิน โดยกลุ่มเป้าหมายจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และ ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนถูกกฎหมายได้ ซึ่งขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อของเว็บไซต์ดังกล่าวไม่จําเป็นต้องใช้หลักฐานยืนยันตัวตน และไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน
ในกรณีที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจฯ กลุ่มคนร้ายจะไปสํารวจกิจการเพื่อประกอบการพิจารณา เมื่อสินเชื่ออนุมัติแล้ว กลุ่มคนร้ายจะโอนเงินไปให้ผู้กู้ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้งของธนาคารไปยังบัญชีธนาคารของผู้กู้ โดยกลุ่มคนร้ายจะหักยอดเงินกู้เป็นดอกเบี้ยงวดแรกไว้ก่อน หากลูกหนี้ผิดนัดชําระหนี้ ก็จะใช้วิธีการโทรศัพท์ข่มขู่ และไประรานผู้กู้ถึงที่บ้าน, ที่ทํางาน หรือ สถานประกอบการ ซึ่งถือเป็นการกระทําที่อุกอาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย
เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า กลุ่มคนดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนในบัญชีช่วงระยะเวลา 1 ปี กว่า 1,000 ล้านบาท (พันล้าน) จึงเร่งแกะรอยและรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถพิสูจน์ทราบตัวบุคคลซึ่งเป็นตัวการหลักของขบวนการดังกล่าวได้จำนวน 4 คน คือ นายทศพล นายศักดิ์รินทร์ นายยุทธนา และ นายเกียรติศักดิ์ ก่อนที่ต่อมา นายศักดิ์รินทร์ จะแยกตัวไปเปิดเพจเฟสบุ๊คชื่อว่า Memoney-credit เพื่อปล่อยเงินกู้ออนไลน์ในลักษณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ จนนำมาสู่ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดได้ดังกล่าว
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าปล่อยเงินกู้เรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดจริง แต่ยืนยันว่าไม่เคยข่มขู่ลูกหนี้แต่อย่างใด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวพร้อมของกลางส่ง พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป