'วันไหลพัทยา 2566' ปิดถนนเลียบหาด ให้เดินเล่นน้ำ ตลอดถนนชายหาดพัทยา
"วันไหลพัทยา 2566" เมืองพัทยาประกาศปิดการจราจรถนนเลียบชายหาด ให้นักท่องเที่ยวได้เดินเล่นน้ำ ตลอดถนนชายหาดพัทยา โดยจัดรูปแบบงานการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและสร้างความสนุกสนานเพิ่มสีสันในช่วงเทศกาล
เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2566 นางสาวทิฐิพันธ์ เพ็ชรตระกูล รองนายกเมืองพัทยา เป็นประธานเปิดการประชุม รูปแบบการจัดการจราจรและการรักษาความปลอดภัยในงานประเพณีวันไหลนาเกลือ และงานประเพณีวันไหลเมืองพัทยา ประจำปี 2566 โดยมี นางจิดาภา สุวัตถาภรณ์ สภาเมืองพัทยา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ภารัฐและเอกชนเข้าร่วมประชุม
เมืองพัทยาต้องขอความร่วมมือ ภาคเอกชน โรงแรมในเขตพื้นที่ชายหาดพัทยา จัดกิจกรรม เข้าร่วมใน วันไหลเมืองพัทยา ครั้งนี้ โดยจัดรูปแบบงานการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและสร้างความสนุกสนานเพิ่มสีสันในช่วงเทศกาลวันไหลเมืองพัทยา โดยมีการกำหนดให้ปิดการจราจรถนนเลียบชายหาดพัทยา ในวันที่ 19 เมษายน 2566 เริ่มตั้งแต่พัทยากลางถึงพิทยาไต้ 14.00 - 20.30 น.เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินเล่นน้ำ ตลอดถนนชายหาดพัทยา
ประชาสัมพันธ์การ ปิดการจราจร ประเพณีวันไหลเมืองพัทยา 2566 (ชั่วคราว)
- วันที่ 18 เมษายน 2566 ไม่ปิดการจราจร
- วันที่ 19 เมษายน 2566 ปิดการจราจรถนนเลียบชายหาดพัทยา แยกพัทยากลาง ถึง แยกสาย 2 พัทยาใต้ ตั้งแต่เวลา 06.00 น.ถึง 19:00 น.
ทั้งนี้ ในเทศกาลวันไหลพัทยา 2566 ห้ามจำหน่าย และเล่นแป้ง รวมถึงปืนฉีดน้ำแรงดันสูง เพื่อความปลอดภัย และห้ามตั้งโต๊ะหรือวางจำหน่ายแป้ง ปืนฉีดน้ำ บริเวณทางเท้าและพื้นที่สาธารณะ หากฝ่าฝืน ปรับ 2,000 บาท และห้ามบุกรุกพื้นที่สาธารณะ มีโทษทางอาญา หากฝ่าฝืน ปรับ 5,000 บาท
กำหนดการ “วันไหลนาเกลือ" 18 เม.ย 66 เนื่องในวันสงกรานต์ โดยเมืองพัทยา กำหนดจัดงานประเพณีวันไหลนาเกลือ ขึ้นวันที่ 18 เมษายน 2566 ณ ลานอเนกประสงค์ลานโพธิ์ นาเกลือ
เวลา 07.00 น. เชิญร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง แด่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 99 รูป สรงน้ำพระพุทธรูป พร้อมรดน้ำดำหัวขอพรผู้สูงอายุ และมอบของที่ระลึกผู้สูงอายุ เนื่องในวันสงกรานต์ และวันขึ้นปีใหม่ไทย
เวลา 10.00 น. เป็นการเคลื่อนขบวนแห่รถบุปผชาติและพระพุทธรูป ออกจากสวนสาธารณะลานโพธิ์ เลี้ยวซ้ายแยกนำชัย ผ่านตลาดใหม่นาเกลือ เลี้ยวซ้ายหน้าพิชซ่าอัท เพื่อหยุดรถขบวนรถบุปผชาติ และพระพุทธรูป บริเวณมูลนิธิสว่างบริบูรณ์(นาเกลือ) เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้สรงน้ำพระพุทธรูป เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และร่วมกันสืบสานรักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นต่อไป