'บิ๊กโจ๊ก' ปิดคดี ตร.ลักปืนหลวง 160 กระบอก ทวงปืนคืนได้แค่ 64 กระบอก

'บิ๊กโจ๊ก' ปิดคดี ตร.ลักปืนหลวง 160 กระบอก ทวงปืนคืนได้แค่ 64 กระบอก

"บิ๊กโจ๊ก" แถลงปิดคดี ตำรวจ-จนท.รัฐ ลักปืนหลวง 160 กระบอก จับผู้ต้องหา 24 คน เจ้าหน้าที่รัฐตั้งแต่ระดับ “ผกก.-รองผกก.-สว.สภ.ปากเกร็ด” 8 คน พร้อมทวงปืนคืนมาได้ 64 กระบอก อยู่ระหว่างติดตามพบถูกส่งกองกำลังประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนผู้เกี่ยวข้องส่วนใหญ่ นักพนัน-คนคุมบ่อนในพื้นที่ กำชับ ผบก.-ผกก.ทั่วประเทศ ปิดล้อมตรวจค้นคดีอาวุธปืนช่วงเลือกตั้ง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หรือ "บิ๊กโจ๊ก" แถลงปิดคดีตำรวจลักปืนหลวงที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 24 ราย และ มีเจ้าหน้าที่รัฐ 8 ราย ว่า ในส่วนของคดีนี้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ด.ต.เชาวลิต พุ่มขจร ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ปากเกร็ด ซึ่งทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ตรวจเก็บและดูแลอาวุธปืนหลวงในคลังของ สภ.ปากเกร็ด ภ.จว.นนทบุรี ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ด.ต.เชาวลิต มีการลักขโมยปืนในคลังไปมากถึง 160 กระบอก และนำไปจำนำให้บุคคลอื่น จึงได้ดำเนินคดี ด.ต.เชาวลิต ใน 2 ข้อหา คือ “ลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ , เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า หลังจากนั้น พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้สืบสวนขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องในขบวนการนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยมีการทำงานร่วมกับ พล.ต.ท.จิรภัทร ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 และ พล.ต.ท.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 เพื่อติดตามปืนของกลางในคดีกลับมา จนกระทั่งสามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องเป็นพลเรือนทั้งชาย - หญิง รวม 23 คน แจ้งข้อหาแล้ว 1 ราย ออกหมายจับแล้ว 22 คน จับกุมได้ 18 คน อายัดตัว 4 คน ทั้งหมดจะถูกแจ้งข้อหา “รับของโจร

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า หลังจากนั้น พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้สืบสวนขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องในขบวนการนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยมีการทำงานร่วมกับ พล.ต.ท.จิรภัทร ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 และ พล.ต.ท.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 เพื่อติดตามปืนของกลางในคดีกลับมา จนกระทั่งสามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องเป็นพลเรือนทั้งชาย - หญิง รวม 23 คน แจ้งข้อหาแล้ว 1 ราย ออกหมายจับแล้ว 22 คน จับกุมได้ 18 คน อายัดตัว 4 คน ทั้งหมดจะถูกแจ้งข้อหา “รับของโจร”

\'บิ๊กโจ๊ก\' ปิดคดี ตร.ลักปืนหลวง 160 กระบอก ทวงปืนคืนได้แค่ 64 กระบอก

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่รัฐ ระดับ ผู้กำกับการ , รองผู้กำกับการ , สารวัตร ของ สภ.ปากเกร็ด อีกจำนวน 8 คน ถูกแจ้งข้อหา ตามมาตรา 157 “เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ” ประกอบด้วย

1. อดีต ผกก.สภ.ปากเกร็ด ปี 2560-2562 , 2. อดีต ผกก.สภ.ปากเกร็ด ปี 2562-2565 , 3. อดีต รอง ผกก.ป. สภ.ปากเกร็ด ปี 2560-2562 , 4. อดีต รอง ผกก.ป.สภ.ปากเกร็ด ปี 2562-2564 , 5. อดีต รอง ผกก.ป.สภ.ปากเกร็ด ปี 2564-2565 , 6. อดีต รอง สว.อก.สภ.ปากเกร็ด ปี 2557-2563 , 7. อดีต สว.อก.สภ.ปากเกร็ด ปี 2563-2564 และ 8. อดีต สว.อก.สภ.ปากเกร็ด ปี 2564-2565

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ตำรวจได้สืบสวนและติดตามปืนหลวงกลับมาได้แล้ว 64 กระบอก เหลืออีก 96 กระบอก ยังอยู่ระหว่างการติดตาม เบื้องต้นทราบว่ามีประมาณ 20 กระบอก ถูกส่งไปให้กองกำลังในประเทศเพื่อนบ้าน อีกด้วย โดยเป็นปืน M16 หรืออาวุธสงคราม เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งของประเทศเพื่อนบ้านจึงมีบางกลุ่มที่ต้องการใช้อาวุธปืนในการต่อสู้ 

“สำนวนในคดีนี้ประกอบด้วยเอกสารมากกว่า 2,200 แผ่น สอบปากคำพยาน 30 ปาก ซึ่งศาลได้มีคำสั่งพิพากษา ด.ต.เชาวลิต จำคุก 256 ปี 168 เดือน แต่ให้จำคุกจริง 50 ปี ตามกฎหมาย ส่วนผู้เกี่ยวข้องอีก 23 คนอยู่ระหว่างสรุปสำนวนส่งอัยการ และ การดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐ ได้สรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช.ชี้มูลคดีดังกล่าวไปแล้ว เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ที่ผ่านมา”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้เกี่ยวข้องทั้ง 23 คนนั้น ส่วนใหญ่เป็นนักพนัน หรือ คนคุมบ่อนการพนันในพื้นที่ ที่ต้องการมีอาวุธปืน บางรายก็ขายต่อเพื่อเอาเงินมาใช้จ่าย ส่วนการดำเนินคดีกับนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชานั้น สื่อให้เห็นว่า เมื่อมีลูกน้องใต้บังคับบัญชาทำความผิด จะปล่อยให้มีความผิดคนเดียวไม่ได้ ผู้บังคับบัญชาจะต้องรับผิดชอบร่วมด้วย จึงได้มีการดำเนินการย้อนหลังจะได้มีความรับผิดชอบในหน้าที่การทำงานมากขึ้น และ ไม่ควรปล่อยปละละเลยจนเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก

 อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดยังอยู่ในตำแหน่งทางราชการ และยังไม่มีการให้ออกจากราชการแต่อย่างใด รวมถึงมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยแล้ว โดยตามกฎหมายรัฐธรรมมาตรา 29 ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีคำตัดสินของศาลจะสิ้นสุด โดยทั้งหมดยังมีสิทธิในราชการเช่นเดิม แต่ในการพิจารณาตำแหน่งตามรอบวาระ อาจต้องใช้การพิจารณามากกว่าบุคคลอื่นเนื่องจากมีมลทินติดตัว

" ได้กำชับให้ ผบก. และ ผกก. ทั่วประเทศ คอยปิดล้อมตรวจค้นคดีเกี่ยวกับอาวุธปืนโดยตลอด รวมถึงหากพื้นที่ใดมีการใช้อาวุธปืนยิงกันในช่วงเลือกตั้ง ผู้บังคับบัญชาในพื้นที่นั้นจะต้องร่วมรับผิดชอบด้วย"