'ทนายอนันต์ชัย' ตอบชัด! ทำไมถึงเป็นทนายความให้ 'ชูวิทย์'
'ทนายอนันต์ชัย' ร่ายยาวตอบชัด! ทำไมถึงเป็นทนายความให้ 'ชูวิทย์' ลั่นขอเดินเคียงข้างทำในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นธรรม แม้ไม่ถูกใจบางคนก็ตาม
วันที่ 6 เมษายน 2566 ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก 'ทนาย อนันต์ชัย ไชยเดช' ระบุว่า ทำไม 'ทนายอนันต์ชัย' จึงเป็นทนายความให้คุณ 'ชูวิทย์'
โดย 'ทนายอนันต์ชัย' เผยว่า มีคนถามว่า ทำไม? ผมจึงเป็นทนายความให้คุณชูวิทย์ ผู้ใหญ่บางท่านก็ทักท้วงด้วยความเป็นห่วงผม ด้วยเห็นว่าคุณชูวิทย์เป็นเจ้าพ่ออาบอบนวด แต่ส่วนใหญ่สนับสนุนให้ผมเป็นทนายให้คุณชูวิทย์ ทำไมเสียงจึงแตก?
ผมจึงศึกษาภูมิหลังคุณชูวิทย์อย่างจริงจัง ทราบว่าคุณชูวิทย์เป็นคนที่ตั้งใจทำงานจะทำอะไรก็ทำจริงๆ กล้าได้ กล้าเสีย ยอมหักไม่ยอมงอ เคยประกอบธุรกิจอาบอบนวดโดยถูกกฎหมาย แต่ถูกตำรวจบางนายและข้าราชการบางหน่วยรีดไถให้ส่งส่วยมาโดยตลอด คุณชูวิทย์ไม่เคยพูด ไม่เคยแฉ ได้แต่อดทน ๆ ๆ
กระทั่งมีเรื่องคดีรื้อบาร์เบียร์ ซึ่งที่ดินดังกล่าวคุณชูวิทย์ได้กู้เงินซื้อมาโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ผู้ที่อยู่อาศัยกลับไม่ยอมออกจากที่ดินแม้จะพูดดีๆแล้วก็ตาม เมื่อผู้อยู่อาศัยไม่เกรงกลัวกฎหมาย คุณชูวิทย์ไม่รู้จะทำอย่างไรจนได้รับคำแนะนำผิดๆของผู้มีสีบางคนว่า แบบนี้ต้องใช้ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ดีมาดีตอบ ร้ายมาร้ายตอบ จนตัวเองพลาดพลั้งต้องถูกจำคุก
คุณชูวิทย์จึงออกมาแฉการทุจริต คอรัปชั่นต่างๆที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองให้สังคมได้ทราบ เป็นเหตุให้ผู้เสียผลประโยชน์โกรธกันยกใหญ่ กล่าวหาว่าคุณชูวิทย์เป็นคนไม่ดี คนสีเทา
นอกจากนี้ในระหว่างที่ถูกจำคุก คุณชูวิทย์เห็นว่าที่ดินดังกล่าวยังไม่สามารถพัฒนาทำประโยชน์อะไรได้ จึงได้นำที่ดินบางส่วนทำเป็น 'สวนชูวิทย์' ซึ่งเป็นสวนส่วนบุคคลเพื่อให้ประชาชนย่านนั้นได้ใช้สำหรับพักผ่อนและออกกำลังกาย จัดให้มีเวลาเปิด-ปิดที่แน่นอน มีการดูแลบำรุงรักษาโดยเสียค่าใช้จ่ายเอง เดือนละไม่ต่ำกว่า 8 แสนบาท และเสียภาษีทุกปี ไม่เคยใช้เงินของกรุงเทพมหานครเลย
ซึ่งผมถือว่า คุณชูวิทย์เป็นคนใจกว้างมาก การที่มีผู้มากล่าวหาว่า คุณชูวิทย์ได้อุทิศที่ดินดังกล่าวให้เป็นสวนสาธารณะแล้วเช่นนี้ ผมถือว่าคิดน้อย คิดไม่เป็น ใจแคบและมีอคติ เพราะไม่มีนักธุรกิจคนไหนหรอกที่จะลงทุนกู้เงินจำนวนมหาศาลมาซื้อที่ดินเพื่อจะยกให้เป็นสาธารณะประโยชน์ ลองคิดดูก็ได้ว่าถ้าเป็นคุณจะยอมกู้เงินมาซื้อที่ดิน เสียดอกเบี้ยมหาศาลให้ธนาคาร แล้วยกให้เป็นสาธารณะประโยชน์ไหม?
เมื่อคุณชูวิทย์ มาขอให้ผมเป็นทนายความให้ และบอกกับผมว่า 'ผมเป็นองคุลิมาลกลับใจ' อีกทั้งคุณชูวิทย์ ยังกล้าออกมาแฉพวกกลุ่มทุนสีเทา ให้เห็นเป็นประจักษ์ว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม พร้อมกับพูดเสมอว่า 'จะสู้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เพื่อฝากความดีไว้กับแผ่นดิน' ดังนั้นในสายตาของผมจึงมองว่าคุณชูวิทย์เป็นคนจริงและคนกล้า กล้าที่จะยืนยันพูดความจริงโดยไม่หวั่นเกรงผู้มีอิทธิพลใดๆ ด้วยเหตุนี้ผมจึงตัดสินใจเป็นทนายความให้คุณชูวิทย์ โดยไม่ลังเลแต่อย่างใด
ผมจะเดินไปด้วยกันกับคุณชูวิทย์ 'ในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นธรรม แม้ไม่ถูกใจบางคน ก็ตาม'
ผมจึงอยากจะถามกลับไปว่า 'คุณจะให้คุณชูวิทย์เดินเพียงลำพังคนเดียวหรือครับ?'
คงไม่ต้องถามผมอีกนะครับว่า ทำไม? ผมจึงเป็นทนายความให้คุณชูวิทย์ และผมขอกราบขอบพระคุณท่านผู้ใหญ่ และ FC ทุกความห่วงใยมา ณ ที่นี้ ครับ