ผงะ! สมุดโน๊ตลับ จนท.เขตราชเทวี รับสินบน เหยื่อนับร้อย เงินหมุนเวียน 100 ล้าน
ผู้การ ปปป. ผงะ สมุดโน๊ตบันทึกลับ แฉปม เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตราชเทวี ทุจริตเรียกรับสินบนผู้ประกอบการเลี่ยงจ่ายภาษี พบผู้ตกเป็นเหยื่อ ร่วม 100 ราย เร่งตรวจสอบการฟอกเงิน หลักฐานการผ่องถ่ายทรัพย์สิน ซ้ำมีเงินหมุนเวียนนับ 100 ล้าน เอาผิดผู้ร่วมขบวนการ หลักฐานถึงใครโดนหมด
ความคืบหน้าคดี นายประมวล แสงแก้วศรี เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตราชเทวี เรียกรับสินบนผู้ประกอบการเพื่อเลี่ยงจ่ายภาษี
ล่าสุด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) เปิดเผยว่า จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดเอกสารหลักฐานต่างๆได้เป็นจำนวนมาก
โดยเอกสารเหล่านี้ล้วน มีความสำคัญต่อแนวทางสืบสวนสอบสวนคดี ซึ่งขณะนี้เริ่มมีการประชุมแบ่งงานวางแนวในการสืบสวนสอบสวน เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ตรวจยึดได้นั้นมีจำนวนมาก มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกว่า 100 เคส มีผู้ประกอบการที่ตกเป็นเหยื่อกว่า 100 ราย ซึ่งหลังจากนี้อาจจะมีการเชิญตัวผู้ที่ส่วนเกี่ยวข้องมาสอบปากคำในฐานะพยาน ปัจจุบันสอบไปแล้ว 4-5 ปาก
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีเข้าตรวจค้นห้องพักหญิงสาวคนสนิทของ นายประมวล เบื้องต้นพบข้อมูลการเงินผ่านเข้าบัญชีกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่ตัวนายประมวล ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่สำนักงานเขตพญาไท และ ราชเทวี ซึ่งเมื่อพิจารณาจากแผนประทุษกรรมของนายประมวล จะพบว่า เมื่อได้เงินมาจะไม่ยอมนำมาเก็บไว้ใกล้ตัว ผ่องถ่ายไปที่บุคคลใกล้ชิดแทน
รวมถึงนำไปลงทุนเช่าพระเครื่อง หรือ แปลงเป็นทรัพย์สินอื่นๆ ซึ่งจะต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเป็นการฟอกเงินหรือไม่ นอกจากนี้จากเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ตรวจยึดมาได้นั้น ยังพบว่า มีเจ้าหน้าที่รายอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องกว่า 10 รายชื่อ ซึ่งจะต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการร่วมกระทำผิดด้วยหรือไม่
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกด้วยว่า จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ยังพบพยานหลักฐานสำคัญอีกอย่างหนึ่ง เป็นสมุดบันทึก หรือ ไดอารี่ ที่ นายประมวลเขียนบันทึกเรื่องราวต่างๆไว้ ไม่ว่าจะเป็นเงินที่ได้มาถูกโอนไปให้กับใครบ้าง รวมไปถึงบันทึกโน๊ตขั้นตอนการสอนให้ลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชา นำไปใช้ในการเรียกเงินจากผู้ประกอบการ
ซึ่งจากข้อมูลหลักฐานที่มีอยู่เชื่อว่าก่อเหตุในลักษณะเดียวกันมาแล้วหลายเคส จึงจำเป็นต้องตรวจสอบให้ครบทุกมิติ และ เชื่อว่าไม่ได้ทำเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน จากพยานหลักฐานที่มีอยู่ก็เชื่อว่าเพียงพอที่จะเรียกกลุ่มคนที่ต้องสงสัยว่าร่วมกระทำผิดเหล่านี้มาแจ้งข้อกล่าวหา แต่ขอเวลาตรวจสอบให้แน่ชัดเสียก่อนเพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย แต่อย่างไรก็ตามยืนยันว่า หากพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงใคร ไม่มีละเว้น
“ส่วนเรื่องการตรวจสอบทรัพย์สินต่างๆ และ เงินหมุนเวียนในบัญชี จากการตรวจสอบพบรวมๆ แล้วมีประมาณ 100 กว่าล้านบาท ทั้งนี้อยากฝากไปถึงผู้ประกอบการต่างๆ ที่ตกเป็นเหยื่อ อยากขอให้มาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ มาเข้าให้ข้อมูล ไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ เพื่อที่ปัญหาการทุจริตเหล่านี้จะได้ลดน้อยลงไป” ผบก.ปปป. กล่าวทิ้งท้าย