'ไฟป่า' โหมหนักในหลายพื้นที่ จ.เชียงราย ทั้งดอยจระเข้-ดอยกุเต็งนาโย่ง

คืนวันที่ 12 เม.ย.นี้ เกิดไฟป่าขึ้นในหลายพื้นที่ของ จ.เชียงราย โดยบนดอยจระเข้พื้นที่หมู่บ้านสันพัฒนา หมู่ 12 ต.แม่จัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย ได้โหมลุกไหม้อย่งาหนักบริเวณส่วนหัวของดอยจระเข้ใกล้กับจุดชมวิวไปทางถนนพหลโยธินสายแม่จัน-เชียงราย ทำให้ นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่จัน ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กรมป่าไม้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัคร ฯลฯกว่า 100 นาย เข้าดับไฟแต่เนื่องจากพื้นที่สูงชันและป่าไม่มีการลุกไหม้มานานประมาณ 2-3 ปีแล้ว ทำให้มีวัชพืช กอไผ่และต้นไม้เล็กที่แห้งกลายเป็นเชื้อไฟอย่างดีจึงลุกลามอย่างหนักโดยที่ไม่สามารถนำเฮลิคอปเตอร์เข้าสนับสนุนการดับไฟได้เพราะเป็นช่วงเวลากลางคืน นอกจากนี้ยังกอไผ่ที่แห้งและแตกปะทุเป็นระยะๆ ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่อาจเข้าไปดับในระยะใกล้ทำให้ผืนป่าเสียหายเป็นบริเวณกว้าง
 

นอกจากนี้คืนเดียวกันไฟได้ลุกไหม้บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ใกล้กับดอยกุเต็งนาโย่ง หมู่บ้านห้วยน้ำริน หมู่ 7 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย ทำให้เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังกันเข้าดับแต่เนื่องจากสภาพพื้นที่มีลักษณะเหมือนดอยจระเข้ใน อ.แม่จัน ทำให้ไฟได้ลุกลามเป็นวงกว้างออกไปอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะมีพื้นที่ป่าเสียหายเป็นบริเวณกว้างเช่นกัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่แต่ละพื้นที่ได้พยายามทำแนวกันไฟโดยใช้เครื่องพ่นลมเป่าวัชพืชโดยเฉพาะใบไผ่ที่พื้นให้ออกพ้นจากการลุกไหม้ ระดมรถดับเพลิงจากเทศบาลแม่สาย และเวียงพางคำเข้ามาช่วย พร้อมใช้อุปกรณ์ตัด ปัดกวาด ฯลฯ เพื่อให้การขยายตัวของไฟยุติลง ณ จุดที่เห็นว่าเหมาะสมตลอดทั้งคืน
 

สำหรับไฟป่าที่โหมลุกไหม้หนักดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน จ.เชียงราย (ศบก.) ไฟป่า จ.เชียงราย ได้มีประกาศขยายระยะเวลาการห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิดจากเดิมกำหนดระหว่างวันที่ 15 ก.พ.-15 เม.ย.นี้ หรือ 60 วัน ก็ให้ขยายไปถึงวันที่ 30 เม.ย.นี้หรือ "ห้ามเผา 90 วัน" โดยให้เหตุผลว่ายังคงมีปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในอากาศในปริมาณสูงอย่างไรก็ตามเป็นที่ราบกันดีว่าสาเหตุอีกด้านคือสภาพอากาศร้อนทำให้เกิดการลุกไหม้ของไฟป่าได้ง่ายนั่นเอง