นางงาม น. คบชู้ บุกอุ้มหนุ่มจีนรีดเงิน รู้ปมเหยื่อรวยโกง 60 ล้าน
ตำรวจนครบาลจับทั้งขบวนการ นางงาม น. เวทีชื่อดัง คบชู้ บุกอุ้มหนุ่มจีนรีดเงิน รู้ปมเหยื่อรวยโกงคนชาติเดียวกัน 60 ล้านบาท
กรณีขบวนการ นางงาม เวทีชื่อดัง คบชู้ บุกอุ้มหนุ่มจีนรีดเงิน รู้ปมเหยื่อรวยโกงคนชาติเดียวกัน 60 ล้านบาท
พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้รับรายงานจาก พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ว่า เมื่อวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา นายยู นักท่องเที่ยวชาวจีน ได้เข้าแจ้งความที่สน.ลุมพินี ว่า ไม่สามารถติดต่อ นายหวัง เพื่อนชาวจีนได้หลายวัน กระทั่ง นายหวัง ติดต่อกลับมา เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ด้วยการวิดีโอคอล พร้อมระบุว่า ไม่ต้องไปแจ้งความ เดี๋ยวคนร้ายจะปล่อยตัว ถ้าโอนเงินมา นายยู เห็นสภาพเพื่อนพบว่า บริเวณใบหน้ามีการบอบช้ำ และเกิดความไม่สบายใจ กลัวเพื่อนจะถูกฆ่าทิ้ง จึงได้ตัดสินใจเข้าแจ้งความ
ล่าสุดทางตำรวจ ได้มีการตั้งคณะทำงานสอบสวนสืบสวน ชุดคลี่คลายคดี นำโดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.น. 5 พร้อมตำรวจ สน.ลุมพินี , สืบสวน บก.น.5 และ สืบสวนนครบาล ประชุมเพื่อเร่งรัดติดตามคดี
พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า จากแนวทางการสืบสวนพบว่า นายหวัง ผู้เสียหาย มีแฟนเป็นหญิงสาวชาวไทย ซึ่งคบกันมาเป็นระยะกว่า 1 ปี และได้เลิกกันไป 3 เดือน ก่อนที่จะกลับมาคบกันอีกครั้ง
หลังผู้หญิงทราบว่า นายหวัง มีเงินและมีทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก และเป็นคนกลุ่มจีนสีเทา มีหมายจับทางการจีน เชื่อว่าคงไม่กล้าแจ้งความ จึงได้ว่าแผนกับชู้ (นายกาย) ซึ่งเป็นผู้ชายไทย จึงได้ชักชวนกันก่อเหตุวางแผน โดยใช้รถ BMW ซึ่งเป็นรถที่นายหวัง ซื้อให้หญิงสาวคนกล่าวไว้ใช้ เพื่อสะดวกต่อการเข้าออกคอนโดมิเนียม
กระทั่งเมื่อวันที่ 14 เมษายน เวลาประมาณ 19.00 กลุ่มชาวไทยผู้ก่อเหตุประมาณ 3 คน ได้เดินทางมาที่คอนโดมิเนียมย่านสาทร ซึ่งเป็นคอนมานโดที่นายหวังพักอาศัย และได้ใช้คีย์การ์ดที่หญิงสาวได้มอบไว้ให้ ขึ้นไปที่ห้องที่อยู่บนคอนโด เพื่อเปิดประตูห้องก่อนจะล็อกตัวนายหวังจับมัดมือ มัดเท้าขังไว้ในห้อง
จากนั้นได้มีการใช้โทรศัพท์ของนายหวัง คุยกับ รปภ. ข้างล่าง ขอยืมรถเข็นในการขนของ จากนั้น 1 ในผู้ก่อเหตุออกไปซื้อลังพลาสติกขนาดใหญ่ ก่อนที่จะนำนายหวัง ยัดใส่กล่องพลาสติกใส่รถขับออกไปจากคอนโด ไปขังไว้ที่หัวหิน
เมื่อถึงที่บ้านพักได้ข่มขู่และซ้อมทำร้ายร่างกายนายหวัง ก่อนที่จะวีดีโอคอลไปหาเพื่อนของผู้เสียหาย คือ นายยู ว่าไม่ให้แจ้งความกับตำรวจ จากนั้นบังคับให้นายหวังโอนเงินเข้าบีญชีนายกบ จำนวน 2 ครั้ง
ครั้งแรกจำนวน 2 ล้านบาท ต่อมาครั้งที่สองโอนเพิ่มอีก 9 แสนบาท และโอนครั้งที่ 3 เป็นบัญชีของ น.ส.ตา จำนวน 1.03 ล้านบาท รวมเป็น 3.93 ล้าน ซึ่งขณะนี้สามารถอายัดเงินได้จำนวน 2.3 ล้าน
เมื่อผู้ก่อเหตุ ได้เงินตามที่ต้องการแล้ว ทำทีจะมาปล่อยตัว ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ตำรวจได้ติดตามกระทั่งพบตัว จึงได้ทำการเข้าช่วยเหลือ และเข้าจับกุมตัวผู้ต้องสงสัย เป็นชายชาวไทยได้ 1 ราย คือนายกบ
ต่อมาได้มีการขออนุมัติออกหมายจับผู้ก่อเหตุ 4 หมาย ประกอบด้วยนายกาย , นายโจว , นายจูน และ น.ส.ตา ผู้รับโอนเงิน ซึ่งต่อมาสามารถจับกุมตัวนายจูน ได้เพิ่มอีก 1 ราย ส่วน น.ส.น้ำเพชร ซึ่งเป็นแฟนสาว อดีตนางงามเวทีชื่อดัง อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลออกหมายจับ
หลังสอบสวนพบว่า เป็นผู้ให้ข้อมูล และร่วมวางแผนดังกล่าว นอกจากนี้จากการสอบสวนยังพบว่า น.ส.น้ำเพชร กำลังคบหาดูใจกับนายกาย 1 ในผู้ต้องหา ที่เป็นหัวหน้าทีม
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ กล้องวงจรปิดหน้าลิฟต์ บริเวณชั้น17 พบว่า ในวันเกิดเหตุ นายกบ ลักษณะสวมใส่เสื้อยืดสีขาว-ดำ สวมหมวกแก๊ป และนายโจ หนุ่มผมยาว ได้เข็นกล่องพลาสติกขนาดใหญ่ เข้าไปภายในลิฟท์ โดยขณะที่เข้าลิฟท์ฝากล้องมีการแง้มขึ้น ทำให้นายกบต้องใช้มือกดปิดเอาไว้
ก่อนที่จะขึ้นลิฟท์กดไปชั้นล่าง ซึ่งเป็นลานจอดรถ ก่อนจะช่วยกันยกกล้องขึ้นท้ายรถเบนซ์ และเดินทางไปหัวหิน นำตัวนายหวังไปกักขังที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมานายจูน ผู้ต้องหาอีกราย ได้ขับรถตามมาสมทบที่รีสอร์ตดังกล่าว
ต่อมา ตำรวจได้ควบคุมตัวนายกบ ออกจากห้องขัง สน.ลุมพินี ไปชี้รถที่ใช้ก่อเหตุ และจำลองเหตุการณ์ ซึ่งนายกบให้การรับสารภาพว่า ถูกว่าจ้างมาจากนายกาย แต่ปฏิเสธไม่ขอตอบคำถามว่า ได้รับค่าจ้างในการร่วมลงมือก่อเหตุครั้งนี้เท่าไร และทำไมถึงตัดสินใจร่วมก่อเหตุ
ส่วนวิธีการอุ้มรีดผู้เสียหาย ได้ร่วมกับนายโจ จับผู้เสียหายลงไปนอนในกล่องพลาสติกที่นายกบซื้อมา ในลักษณะนอนตะแคง งอขา มัดเท้าและมัดมือไว้ด้านหลัง แล้วปิดฝากล่อง เพื่อนำใส่รถเข็นลงมาที่ลานจอดรถ ซึ่งขณะที่พาผู้เสียหายเดินทางไปยังหัวหิน ได้เปิดฝากล่อง เพื่อให้ผู้เสียหายใจได้ และแก้มันเชือกออก ถึงแม้ว่าจะมีอาการขัดขืนบ้างแต่ผู้เสียหายก็ยอมไปด้วย ตลอดเวลาที่เดินทางผู้เสียหาย ยังมีสติรู้ตัวตลอดเวลา หลังไปอยู่ที่รีสอร์ต ไม่ได้มีการทำร้ยร่างกายอีก
ส่วนผู้เสียหายชาวจีน หลังถูกช่วยเหลือจากการตรวจสอบประวัติ จากตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้ประสานไปยังทางการจีน ซึ่งก็พบว่า ผู้เสียหายรายนี้เป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกง มูลค่า 12 ล้านหยวน หรือราว 60 ล้านบาทไทย ซึ่งทางการจีนได้ออกหมายจับไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ขึ้นเป็นหมายแดงในอินเตอร์โพล ทำให้สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ โดยที่ไม่มีประวัติหมายจับดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ได้กักตัวไว้ที่ ตม. เตรียมผลักดันออกนอกประเทศ