เล่าหมดเบื้องลึก เพื่อนไม่เชื่อ 'น้ำเพชร เพชรลดา' ร่วมก่อเหตุอุ้มชาวจีน
จะเชื่อใคร เล่าหมดเบื้องลึก เพื่อนไม่เชื่อ 'น้ำเพชร เพชรลดา' ร่วมก่อเหตุอุ้มชาวจีน ยันไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน เคยเตือนไม่ให้เกี่ยวข้องอดีตแฟนที่ก่อเหตุ
คุมตัว 1 ใน 5 ผู้ต้องหาแก๊งอุ้มจีนยัดใส่กล่องฝากขังวันนี้ ส่วนที่เหลืออีก 5 อยู่ระหว่างสอบสวนเพิ่มเติม ระบุบางคนยังให้การภาคเสธ ไม่ให้รายละเอียดคดี พร้อมอายัดเงินบางส่วนไว้แล้ว อยูู่ระหว่างตรวจสอบโอนเงินให้ใครบ้าง ด้านเพื่อน “น้ำเพชร” เข้าเยี่ยม ระบุไม่เชื่อเพื่อนร่วมก่อเหตุ ยันไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน เคยเตือนไม่ให้เกี่ยวข้องอดีตแฟน
จากเหตุการณ์ MR.WANG NANFENG อายุ 33 ปี ผู้เสียหายชาวจีน ถูกคนร้ายจับยัดใส่กล่องพลาสติกลงจากห้องพัก ย่านลุมพินี ก่อนนำตัวไปกักขังที่รีสอร์ท ในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อทำการเรียกค่าไถ่จากเพื่อนและญาติ เป็นเงินจำนวน 3.93 ล้านบาท ก่อนที่เพื่อนผู้เสียหายชาวจีน ได้เข้าแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ให้ช่วยติดตามคนร้าย โดยหลังเกิดเหตุตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุทั้งหมดได้แล้ว
ล่าสุดทางด้าน พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผกก. สน.ลุมพินี กทม. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจับผู้ต้องหาที่ร่วมกันอุ้มตัวชาวจีนไปเรียกค่าไถ่เงิน 4 ล้านบาท ว่าขณะนี้สามารถจับตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คนได้แล้ว โดยวันนี้จะนำตัวนายกบ ผู้ต้องหาที่จับได้วันแรกที่นำตัวผู้เสียหายมาปล่อยตัว ไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ฝากขังผัดแรกระหว่างการสอบสวน
“ส่วนผู้ต้องหาอีก 5 คนที่ตามจับมาได้ล่าสุด ยังต้องนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมถึงพฤติการณ์การก่อเหตุ ที่บางคนยังให้การภาคเสธ หรือยอมรับว่าเป็นเพียงผู้ต้องหาตามหมายจับ แต่ยังไม่ให้การถึงรายละเอียดทางคดี ซึ่งวันนี้จะต้องนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม”
ในส่วนของนางสาวเพชรลดา แสงกุล หรือ น้ำเพชร อดีตผู้สมัครเวทีประกวดนางงามจังหวัดสุพรรณบุรี ที่เป็นแฟนของผู้เสียหาย และเป็นผู้วางแผนกับนายศุภพลที่เป็นแฟนชาวไทย ในการก่อเหตุ เบื้องต้นอ้างว่าต้องการได้เงินจากผู้เสียหาย แม้ว่าทางผู้เสียหายจะให้เงินใช้เดือนละ 1 แสนบาทแล้ว แต่ไม่พอใช้จ่าย
“ส่วนเงินที่ผู้เสียหายโอนไปให้เกือบ 4 ล้านบาท ตำรวจอายัดเงินไว้แล้ว 2 ล้าน 3 แสนบาท และอยู่ระหว่างการตรวจสอบกับธนาคารเพิ่มเติมว่าจะมีการโอนเงินไปให้บุคคลอื่นหรือไม่ ถ้าหากพบว่ามีจริง จะต้องเรียกเจ้าของบัญชีมาสอบสวนว่ามีส่วนรู้เห็นหรือไม่อย่างไร”
ขณะเดียวกันเพื่อนๆ ของ น.ส.น้ำเพชร พร้อมครอบครัวและทนายความเดินทางนำอาหารเตรียมเข้าเยี่ยม โดยทางครอบครัวของน้ำเพชร ไม่ขอให้ข้อมูลใดๆกับผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด
ด้านเพื่อนสนิทของ น.ส.น้ำเพชร ได้เปิดเผยว่าไม่เชื่อว่า น้ำเพชรจะทำเรื่องดังกล่าว และในวันเกิดเหตุ น้ำเพชรอยู่กับตน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับคอนโด อีกทั้งในช่วงเวลาที่ Mr.Wang หายไป น้ำเพชรก็เป็นคนช่วยตามหา และเดินทางเข้าแจ้งความคนหายที่ สน.ลุมพินี แต่ตอนนั้นตำรวจไม่รับแจ้ง เพราะยังไม่ครบ 24 ชม.
เพื่อนคนเดิม ระบุอีกว่า เมื่อวันที่ 14 เม.ย. เวลาประมาณ 19.00 น. น้ำเพชรไปที่ยวกับพี่ๆ ที่สยาม จนกระทั่ง เวลาประมาณ 01.50 น. ของวันที่ 15 เม.ย. น้ำเพชรได้โทรศัพท์มาหาตน และเล่าว่าเพื่อนๆ ของพี่หวัง โทรศัพท์มาพร้อมกับบอกว่า ติดต่อพี่หวัง แฟนหนุ่มไม่ได้ ทั้งที่เมื่อช่วงเย็น น้ำเพชรยังคุยกับพี่หวังอยู่เลย โดยพี่หวังโทรมาว่าไม่ต้องมาที่ห้องเพราะพี่หวังจะไปเที่ยวพัทยา
เพื่อนคนเดิมเล่าอีกว่า ตอนนั้นน้ำเพชรยังสงสัยว่าแฟนหนุ่มอาจจะแอบไปเที่ยวกับสาวๆ จึงชักชวนกันไปที่คอนโดของแฟนหนุ่ม โดยขอเช็กภาพจากกล้องวงจรปิด แต่ทางนิติบุคคลของคอนโด ปฏิเสธ เพราะก่อนหน้านี้มีคนจีนมาขอดูกล้องไปแล้วรอบหนึ่ง จากนั้นเวลาประมาณ 02.30 น. พี่หวังได้โทรมาหาน้ำเพชรอีกครั้ง โดยครั้งนี้บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะอยู่พัทยากับเพื่อนแล้ว จึงแยกย้ายกับน้ำเพชรกลับไปพักผ่อน จนกระทั่งช่วงเช้าวันเดียวกันก็ไม่สามารถติดต่อพี่หวังได้อีกครั้ง จึงตัดสินใจแจ้งความ กับตำรวจ สน.ลุมพินี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความเนื่องจากยังไม่ครบ 24 ชม.
ส่วนนายกายซึ่งที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นกิ๊ก ของ น.ส.น้ำเพชร จริงๆแล้วชื่อบอส ซึ่งก่อนหน้านี้น้ำเพชร คบหากับพี่หวังมาประมาณ 1 ปีโดยรู้จักกันผ่านการทำงาน ไม่ใช่การเกาะผู้ชายกินอย่างที่คนอื่นเข้าใจ เพราะน้ำเพชรไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน จนกระทั่งเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว น้ำเพชรได้เลิกรากับพี่หวัง และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่นายบอสเข้ามาพอดี จึงได้คบหากับนายบอส
ต่อมาเมื่อช่วงเดือน เม.ย. ก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 อาทิตย์ พี่หวังได้ตามมาง้อ และน้ำเพชรได้ตัดสินใจกลับมาคบกับพี่หวัง ทั้งคู่จึงกลับมาคบกัน ซึ่งในจุดนี้อาจจะทำให้นายบอสเกิดหึงหวง ประกอบกับช่วงหลังๆ รู้สึกว่านายบอสจะมีปัญหาเรื่องเงิน จึงอาจจะวางแผนก่อเหตุดังกล่าว
ส่วนเรื่องที่นายบอสใช้รถยนต์และคีย์การ์ดของน้ำเพชรในการก่อเหตุนั้น โดยปกติแล้ว นายบอสมักจะใช้รถยนต์ของน้ำเพชรเดินทางไปไหนมาไหนโดยตลอดอยู่แล้ว ส่วนคีย์การ์ดก็อยู่ในรถดังกล่าว ส่วนเลขที่ห้องพักเป็นข้อมูลพื้นฐานอยู่แล้ว เพราะคนเคยมีสัมพันธ์กันก็จะต้องเคยไปมาหาสู่กัน หรือสอบถามพูดคุยกันอยู่แล้ว
“ในระหว่างที่น้ำเพชรคบหานายบอส ก็เคยตักเตือนมาโดยตลอด เพราะไม่ชอบพฤติกรรมส่วนตัวของนายบอสอยู่แล้ว ส่วนที่เชื่อว่าน้ำเพชรไม่ได้กระทำเรื่องแบบนี้อย่างแน่นอน เพราะเพื่อนเป็นคนรักครอบครัว ช่วยเหลือครอบครัวทุกอย่าง เป็นคนอัธยาศัยดี เชื่อว่าน้ำเพชรไม่รู้เรื่องนี้ อยากให้สังคม อย่าตัดสินเพื่อนของตน จากเพียงแค่คำให้การของบอส ซึ่งเป็นผู้ต้องหา”