ตร.เปิดข้อมูลล่าสุด 'นตท.ภูมิพัฒน์' ตายทิพย์จริงหรือ? กรณีคดี จีจี้ สุพิชชา
คืบหน้าคดี 'จีจี้ สุพิชชา' ตำรวจยืนยัน 'นตท.ภูมิพัฒน์' ไม่ได้ตายทิพย์ ลั่นทุกอย่างทำตามขั้นตอนกฎหมาย ไม่มีการช่วยเหลือหรืออำพรางเหตุการณ์ใดๆ
กรณีคดี 'จีจี้ สุพิชชา' เน็ตไอดอลสาว และ 'นตท.ภูมิพัฒน์' หรือ อิคคิว นักเรียนเตรียมทหาร ที่ถูกพบเสียชีวิตภายในคอนโดย่านอโศก เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา โดยรายงานล่าสุดตำรวจยืนยันว่าคดีนี้ฝ่ายชายไม่ได้มีการ 'ตายทิพย์' ตามที่หลายคนสงสัยแต่อย่างใด ซึ่งมีพยานหลายฝ่ายเข้าร่วมตรวจสอบ ทั้งแพทย์และครอบครัวของทั้งสองฝ่าย
จากประเด็นที่ชาวเน็ตและสื่อต่างๆตั้งข้อสงสัยว่า นตท.ภูมิพัฒน์ หรือ 'อิคคิว' นั้นเสียชีวิตจริงหรือไม่ เรื่องนี้ พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 ซึ่งเป็นหนึ่งในตำรวจที่เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุกล่าวยืนยันว่า คดีนี้ไม่ได้มีการช่วยเหลือหรือกระทำการอำพรางเหตุการณ์ใดๆเกี่ยวกับการเสียชีวิต ขอยืนยันว่าฝ่ายชายเสียชีวิตจริง และมีการตรวจตามขั้นตอนตามกฎหมาย โดยมีพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลรามาธิบดี
ซึ่งได้มีการตรวจสอบลักษณะบาดแผลของทั้ง 2 ศพ 'จีจี้ สุพิชชา' และ 'นตท.ภูมิพัฒน์' รวมถึงแนววิถีในเบื้องต้น ก่อนที่จะให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำศพทั้งสองออกจากที่เกิดเหตุ ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้มีพ่อแม่และครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้งสองคน รับทราบ อีกทั้งยืนยันว่าคดีนี้ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนอย่างตรงไปตรงมา และจะไม่มีการให้การช่วยเหลือบุคคลใด โดยในช่วงบ่ายวันนี้ (21 เมษายน 2566) จะมีการเรียกประชุมตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนในคดีดังกล่าวมาไล่เรียงข้อมูลต่างๆที่ได้อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้รวบรวมได้ครบถ้วนหมดเรียบร้อยแล้ว
พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา (ผบก.น.1) กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีบุคคลที่ 3 เข้าไปหรือออกมาจากห้องที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ยังได้นำข้อมูลการผ่าชันสูตรศพอย่างละเอียดของผู้เสียชีวิตทั้งสองคนมาตรวจสอบ และส่วนสุดท้ายคือผลการตรวจพิสูจน์เขม่าดินปืนที่ศพของผู้เสียชีวิตทั้งสองคนว่าเป็นไปในลักษณะใด
สำหรับการสอบปากคำพยานขณะนี้ได้มีการสอบปากคำครอบครัวของผู้เสียชีวิตฝ่ายหญิงไปในเบื้องต้นแล้ว รวมถึงพยานแวดล้อมอื่นๆ แต่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตฝ่ายชายขณะนี้ทางครอบครัวยังไม่สะดวกที่จะเข้าให้ปากคำ โดยขอเลื่อนเข้าให้ปากคำเป็นช่วงหลังจากประกอบพิธีทางศาสนาของลูกชายเรียบร้อยแล้ว
'การที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าให้ดำเนินคดีกับเจ้าของปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้น เรื่องนี้ยืนยันว่าตำรวจอยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องดังกล่าว แต่ต้องรอผลการตรวจสอบจากหลายๆหน่วยว่าสรุปแล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร หากเป็นการจงใจใช้อาวุธปืนเพื่อการก่อเหตุ และเป็นความบกพร่องของเจ้าของปืนกระบอกดังกล่าวก็จะต้องเรียกตัวมาสอบปากคำ และหากพบว่าเข้าข่ายการกระทำความผิดก็ต้องดำเนินคดีตามขั้นตอน'