ผบช.ภ.5 สั่งเร่งติดตามคดีอุ้มฆ่าเซลล์สาว
ผบช.ภ.5 สั่งตรวจสอบข้อมูลคดีฆาตกรรมในเชียงใหม่ที่ยังไม่ได้ตัวคนร้าย ว่าเกี่ยวกับผู้ต้องหาคดีอุ้มฆ่าเซลล์สาวหรือไม่ พร้อมเผยพนักงานสอบสวน สภ.ดอยสะเก็ด ดำเนินการกับ “นายณัฐพล” อย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
วันนี้ (3 พ.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 เป็นประธานในการประชุมคณะทำงานและส่วนที่เกี่ยวข้อง พร้อมเร่งรัดติดตามคดีฆ่าเซลส์สาว ในพื้นที่ สภ.สันทราย และคดีข่มขืนในพื้นที่ สภ.ดอยสะเก็ด ณ ห้องประชุม อาคาร ภ.จว.เชียงใหม่
พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 เปิดเผยหลังจากสิ้นเสร็จการประชุมว่า ในวันนี้เชิญรองผู้บังคับบัญชาที่เป็นผู้ดูแลสืบสวนสอบสวน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ และผู้กำกับในหลาย ๆท้องที่ ที่เกี่ยวข้องกับคดีอุ้มฆ่าเซลล์สาว มาทำการประชุมติดตามความคืบหน้า และเร่งรัดในการดำเนินคดี
เบื้องต้นจากพยานหลักฐานทราบว่า ผู้ต้องหารายนี้ได้เคย ก่อเหตุในหลาย ๆท้องที่ ทั้งในท้องที่นครบาล และในท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้สั่งการให้นำเอาข้อมูลในคดีต่าง ๆที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ ในปี 2548 ที่มีการฆ่าพนักงานร้านวอม อัพ ที่มีลักษณะคล้าย ๆกัน และในปี 2552 ที่มีการฆ่า 2 ตา ยาย มีลักษณะแผนประทุษกรรมคล้าย ๆกัน
ที่สำคัญคือให้นำหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาทำการเปรียบเทียบและยืนยันว่า ผู้ต้องหารายนี้จะเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวข้างต้นหรือไม่ หรือจะมีคดีอื่น ๆอีกหรือไม่ในท้องที่ สถานีตำรวจของจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ชุดสืบในจังหวัดเชียงใหม่ไปประสานกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธร1 , 2 และ 7 โดยเฉพะกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ว่ามีคดีที่มีแผนประทุษกรรม หรือมีการกระทำความผิดใกล้เคียงกันและยังไม่ได้ตัวผู้ต้องหา หรือมีคดีนอกเหนือจากที่มีอยู่ตอนนี้ เพื่อที่จะได้ทำให้การดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ครบถ้วน และสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ สิ่งสำคัญก็คือให้ประสานกับทางศาลไม่ให้มีการประกันตัวผู้ต้องหา รวมถึงเมื่อการสอบสวนเสร็จแล้วจะต้องมีการฟ้องให้เพิ่มโทษกับผู้ต้องหาที่เคยก่อคดีในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง
สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นในท้องที่ของ สภ.ดอยสะเก็ด จากการตรวจในเบื้องต้นทราบว่า พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการตามกฎหมาย มาตรา 134 วรรณ 1 ถูกต้องครบถ้วนแล้ว ส่วนการใช้ดุลพินิจตาม มาตรา134 วรรค 5 ว่าเหมาะสมหรือสมบูรณ์หรือไม่ ได้สั่งการให้ผู้การจังหวัดเชียงใหม่ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลหาข้อเท็จจริง
อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีในท้องที่ของ สภ.ดอยสะเก็ด ต้องรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลา เพราะผู้ต้องหาก่อเหตุในหลายท้องที่ และมีพยานหลักฐานโดยเฉพาะพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายคน
ทั้งนี้ ขอเน้นย้ำว่าเร็วหรือช้าไม่สำคัญ แต่ผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินคดีต้องเกิด การรวบรวมพยานหลักฐานให้กระจ่าง ให้หมดข้อสงสัย เพื่อให้ศาลได้พิจารณาลงโทษผู้ต้องหาได้ครบถ้วนและดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยในคดีนี้เป็นคดีที่มีการข่มขื่นกระทำชำเราโดยมีอาวุธ ซึ่งเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎอาญา มาตรา 276 มีอัตราโทษ จำคุก 15 ปี ถึง จำคุกตลอดชีวิต