สาว 16 ถูกนายจ้างร้านดัง กักขังข่มขืนนาน 7 เดือน สุดทนหนีได้แจ้ง ตร.คดีไม่คืบ
ลูกจ้างหญิงเมียนมา วัย 16 ปี ถูกนายจ้างร้านดังข่มขืน แถมกักขังในบ้าน 7 เดือน ก่อนหนีออกมาได้แจ้งความตำรวจแต่คดีไม่คืบ ผกก.สภ.พบพระ ยันไม่ได้นิ่งนอนใจ คดีเกี่ยวกับเยาวชนต้องรัดกุมตามระเบียบของกฎหมาย
เมื่อช่วงเย็นวันที่ 9 พฤษภาคม 66 นางสาวเก (นามสมมติ) อายุ 16 ปี แรงงานต่างด้าวหญิง สัญชาติเมียนมา ถือบัตร 10 ปี ไม่มีสถานทางทะเบียนในพื้นที่อำเภอพบพระ จ.ตาก ได้เดินทางเข้าพบ พันตำรวจเอกรัฐศรัณย์ เกศสิงห์สร้อย ผกก.สภ.พบพระ และพนักงานสอบสวนสภ.พบพระ หลังจากที่องค์กรช่วยเหลือแรงงานเมียนมาใน อ.แม่สอด ได้รับการร้องเรียนจากนางสาวเอ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2566 ให้ช่วยติดตามสอบถามความคืบหน้าคดีข่มขืน
นางสาวเอ ถูกนายจ้างคนไทย เป็นเจ้าของร้านขายก๋วยเตี๋ยวชื่อดังแห่งหนึ่ง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2565 และถูกนายจ้างกักขังไว้ในบ้าน เพื่อทำการข่มขืนกระทำชำเราเป็นเวลา 7 เดือน ต่อมาสามารถหนีออกมาได้ และหลบๆซ่อนๆตัวในพื้นที่ เพื่อทางไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พบพระ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 แต่คดีความไม่มีความคืบหน้า
และยังถูกข่มขู่ตลอดจากนายจ้าง และจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่บางคนที่รู้จักนายจ้าง ทำให้ต้องไปร้องเรียนองค์กรช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ซึ่งต่อมาทางพันตำรวจเอกรัฐศรัณย์ ทราบเรื่อง จึงให้ตำรวจติดต่อกับนางสาวเกไปพบ
นางสาวเก กล่าวว่า จะขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และไม่ต้องการรับเงินจากนายจ้างใดๆ และขอความเป็นธรรมจากทางตำรวจด้วย ในระหว่างการถูกกักขังถูกข่มขืน กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายจิตใจ และนายจ้างขู่จะทำร้ายให้ถึงแก่ชีวิตด้วย หากไปแจ้งความทำให้ตนเองไม่สามารถหนีออกมาได้ นากจากนี้นายจ้างยังมีภรรยาที่รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำของนายจ้างด้วย
นางสาวเก เล่าอีกว่าในช่วงที่ผ่านมามีการเสนอเงินให้กับตน ครั้งแรกจำนวนเงิน 8 หมื่นบาท ครั้งที่ 2 จำนวน 1 แสนบาท และพยายามส่งคนในเครื่องแบบมากล่อมญาติของตนและตนเองให้ยอมความ แต่ตนเองไม่ยินยอม ถึงแม้ให้เงิน 1 ล้านบาท ตนก็ไม่เอา จะขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุดกับนายจ้างที่กระทำกับตนเอง
ล่าสุด พันตำรวจเอกรัฐศรัณย์ ได้นำนางสาวเกพร้อมญาติ ให้พนักงานสอบสวน สภ.พบพระ ประสานหน่วยงานด้านกฎหมายกับสำนักงานอัยการจังหวัดแม่สอด เพื่อทำการสอบสวนพร้อมด้วยนักจิตวิทยา สอบสวนหาข้อเท็จจริง เนื่องจากเป็นคดีเยาวชน และละเอียดอ่อน
พันตำรวจเอกรัฐศรัณย์ เกศสิงห์สร้อย ผกก. สภ.พบพระ เปิดเผยว่าคดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับเด็ก จึงจำเป็นต้องประสานกับอัยการ นักจิตวิทยาร่วมสอบข้อเท็จจริง พร้อมกับรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุม ตามระเบียบของกฎหมาย เพื่อที่จะเอาผิดกับผู้ต้องหาซึ่งทางตำรวจกำลังรอผลพิสูจน์จากการถูกล่วงละเมิดทางเพศที่ทาง สภ.พบพระ ส่งไปตรวจ และขณะนี้ยังไม่ส่งผลกลับมา ส่วนเรื่องคดีที่ทางฝ่ายผู้เสียหายแจ้งว่าคดีล่าช้านั้น คดีดังกล่าวเป็นคดีที่ละเอียดอ่อน และผู้เสียหายเป็นเยาวชน