สมุทรปราการเดือด เมียหลวงแค้น ผัวพาเมียน้อยไปเลือกตั้ง 66 ดักยิง-ชักมีดแทง
อัปเดต สมุทรปราการเดือด เมียหลวงแค้น ผัวพาเมียน้อยไปเลือกตั้ง 66 ดักหน้าคูหายิง และชักมีดจ้วงแทงอาการสาหัส
กรณี เมียหลวงแค้น ผัวพาเมียน้อยไปเลือกตั้ง 66 ดักยิง-ชักมีดแทง ภาพวงจรปิดริมถนนในซอยด่านสำโรง ตำบลด่านสำโรง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ สามารถจับภาพได้ โดยมุมแรก พบว่า รถกระบะอีซุซุ ตอนเดียวสีบรอนด์ ขับมาบนถนนในซอยดังกล่าวด้วยความเร็ว ผ่านหน้ากล้องไป จากนั้นกล้องอีกมุมในจุดเดียวกัน สามารถจับภาพได้ในขณะที่รถกระบะคันดังกล่าว เสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าข้างทาง ซึ่งมีหญิงสวมเสื้อสีแดงนั่งเกาะอยู่ที่ด้านหลังของกระบะ
ส่วนกล้องวงจรปิดอีกมุมที่อยู่ฝั่งตรงข้ามใกล้เคียงปากซอยด่านสำโรง 58 สามารถจับภาพได้อย่างชัดเจน ในขณะที่รถกระบะคันดังกล่าวเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าข้างทาง โดยมีหญิงเสื้อแดงที่นั่งเกาะกระบะท้าย พยามทุบกระจกด้านหลังของคนขับ แล้วชักปืนที่พกติดตัวมายิงใส่คนขับรถไปหลายนัด กระทั่งคนขับต้องเปิดประตูลงหนีตายลงมา
ส่วนฝั่งซ้ายในรถกระบะคันดังกล่าว จะเห็นว่า มีหญิงสาวอีกราย สวมเสื้อแขนยาวสีขาวเปิดประตูฝั่งซ้ายวิ่งหนีตาย ออกมาจากที่เกิดเหตุเช่นกัน ท่ามกลางสายตาของประชาชนจำนวนมากในละแวกที่เกิดเหตุ ในขณะที่ภาพจากมือถือของพลเมืองดีสองมุม ก็ยังสามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้เช่นกัน
พบว่า หญิงเสื้อสีแดงที่นั่งเกาะมาในท้ายรถกระบะ ได้กระโดนตามชายคนขับลงมาจากรถ พร้อมกับใช้อาวุธมีดที่พกติดตัวมา พยามจ้วงแทงชายคนดังกล่าวอีกหลายครั้ง จนชาวบ้านต้องเข้ามาห้ามปราม ให้แยกย้ายกันไป พร้อมกับรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ให้มาช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และควบคุมตัวหญิงเสื้อแดง ให้รอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงเวลา 12.20 น. วันที่ 14 พ.ค.66 ตามเวลาในกล้องวงจรปิด
หลังเกิดเหตุไม่นาน ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ เข้าควบคุมตัวหญิงเสื้อแดงคนดังกล่าว ส่วนชายคนขับรถเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้ความช่วยเหลือส่งโรงพยาบาลสมุทรปราการ
ด้านแม่ค้าอาหารตามสั่ง ที่ขายอยู่ข้างทางตรงที่เกิดเหตุ บอกว่า ขณะขายของอยู่ หันไปสังเกตเห็นรถกระบะคันดังกล่าว ขับส่ายไปมา จนมาพุ่งชนเสาไฟฟ้าข้างทาง ก่อนถึงร้านตนเอง จากนั้นก็เห็นชายคนขับเปิดประตูรถลงมา และหญิงเสื้อแดงก็ตามลงจากรถ พร้อมกับใช้มีดจ้วงแทงฝ่ายชาย จนมีคนเข้าไปห้าม ซึ่งฝ่ายชายนั้น ยังถือว่าดวงดี เพราะมีชาวบ้านเข้าไปห้ามปรามเอาไว้ได้ทัน สำหรับตนหากรถไม่ชนเสาไฟก่อน รถคันดังกล่าวอาจจะพุ่งเข้ามาชนตนเอง และร้านก็เป็นได้
นางสมร อายุ 61 ปี หญิงเสื้อแดงผู้ก่อเหตุ ซึ่งถูกตำรวจควบคุมตัวได้พร้อมของกลาง ทั้งอาวุธปืนลูกโม่ และมีดปลายแหลมที่ใช้ก่อเหตุ โดยนางสมร ผู้ก่อเหตุรายนี้ ได้ให้การด้วยสีหน้าขึงขังว่า ตนเองยอมรับว่า ได้ลงมือก่อเหตุจริง คนที่ตนเองก่อเหตุนั้น ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือนายสมคิด สามีอายุ 63 ปี ซึ่งเป็นสามีของตนเอง ส่วนสาเหตุที่ต้องลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ เพราะต้องการสั่งสอน กะทำให้แค่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ถึงกับเสียชีวิต หรือให้ถึงตาย แต่ถ้าต้องตายไปจริงก็ไม่เสียดาย เหตุผลเพราะที่ว่า ตนเองเกิดความแค้นที่สามีไปมีเมียน้อยหลายต่อหลายครั้ง และหลายคน
และตนเองเจอสามีครั้งสุดท้ายเมื่อปี 62 หลังจากที่สามีไปมีเมียน้อย ก็ได้แยกย้ายทางกันไป และกลับมาอยู่กับตนเอง ที่ผ่านมา จับได้หลายครั้ง ที่สามีไปติดหญิงอื่น จนหมดเนื้อหมดตัว แถมยังเอารถไปขายเลี้ยงดูผู้หญิงอื่น แต่งงานกันมาตั้งแต่ปี 2525 จนมีลูก จนลูกโตหมดแล้ว กระทั่งมาทราบภายหลังว่า สามีไปมีเมียน้อย และเอารถคันเกิดเหตุไปรับส่งเมียน้อย แอบไปเช่าบ้านเช่าห้องอยู่แถวย่านลาดกระบัง
ที่ผ่านมาตนเองพยายามให้มาเคลียร์ ให้จบปัญหาไป เนื่องจากมีการจดทะเบียนสมรสกัน แต่ฝ่ายสามีไม่มาเคลียร์ กระทั่งทราบว่าวันนี้ สามีจะพาเมียน้อยมาเลือกตั้งที่ซอยวัดด่าน ตนเองจึงนั่งรถมาจากจังหวัดอยุธยา เพื่อมาดักรอหวังเคลียร์ปัญหาครอบครัว กระทั่งมาเจอสามีขับรถออกมาจากหน่วยเลือกตั้ง ตนพยายามเรียกให้จอด แต่สามีก็ไม่ยอมจอด ด้วยความโมโห จึงได้ใช้อาวุธปืนที่เตรียมายิงใส่ไปหนึ่งนัด แล้วกระโดดขึ้นท้ายรถ และยิงซ้ำใส่สามี จากกระจกด้านหลัง จนรถเสียหลักชนเสาไฟฟ้า จากนั้นจึงตามลงไปใช้มีดแทงซ้ำอีกสองครั้ง ส่วนปืนยิงไปจนหมดโม่ ไม่ได้นับว่ากี่นัด ปืนที่ใช้ก่อเหตุ ก็เป็นปืนของสามี ที่เคยซื้อมาไว้นานแล้ว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้คุมตัวภรรยาใจเด็ดรายนี้ ไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.สำโรงเหนือ พร้อมกับตรวจยึดของกลาง เป็นปืนลูกโม่ ขนาด.38 พร้อมปลอกกระสุนที่ยิงแล้วคาลูกโม่จำนวน 5 นัด กระสุนที่ยังไม่ยิงอีก 5 นัด มีดปลายแหลมเปื้อนเลือดอีกจำนวน 2 เล่ม เบื้องต้นตำรวจจึงแจ้งข้อหาพยามฆ่าโดยเจตนา และพ.ร.บ. อาวุธปืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอาการของนายสมคิด หลังจากที่ถูกนางสมรใช้อาวุธปืนไล่ยิงและใช้มีดจ้วงแทงในครั้งนี้ เบื้องต้นทราบว่า นายสมคิดอาการค่อนข้างสาหัส เนื่องจากตามร่างกายของนายสมคิด มีบาดแผลถูกคมมีดจ้วงแทงอีกหลายแห่ง อาทิ ที่บริเวณคอมีแผลฉีกขาดจากของมีคมยาวประมาณ 1 ซม. เย็บ 3 เข็ม , ที่แผ่นหลังมีบาดแผลเฉี่ยวๆ เป็นรอย 1 ซม. , ที่บริเวณข้อมือข้างซ้าย มีบาดแผลถูกของมีคมเย็บ 5 เข็ม และที่ต้นขาขวามีบาดแผลถูกของมีคมยาว 2 ซม. เย็บ 6 เข็ม ส่วนร่องรอยของกระสุนปืน ขณะนี้ทีมแพทย์กำลังดำเนินการตรวจสอบ