สตม. ทลายแก๊งข้ามชาติ ใช้ไทยฟอกเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2,500 ล้าน
ตำรวจ สตม. บุกทลายเครือข่ายกลุ่มคนร้ายข้ามชาติ ใช้ประเทศไทยเป็นฐานการกระทำความผิด ฟอกเงินให้ขบวนการแก๊ง call center มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท
บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ 1.รวบหนุ่มจีนเครือช่ายฟอกเงินของขบวนการแก๊ง call center มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท สืบเนื่องจากการประสานงานกับเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย กรณีผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีนรายสำคัญ คือ MR.XU หรือ นายชู (นามสมมติ) อายุ 40 ปี สัญชาติจีน ซึ่งเป็นผู้รับหน้าที่ฟอกเงินของขบวนการ แก๊ง call center ที่ตั้งฐานอยู่ในประเทศกัมพูชา มีมูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท
บก.สส..สตม. ได้สืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายจนทราบว่า MR.XU ถือหนังสือเดินทางสาธารณรัฐประชาชนจีนเดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 63 ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว และได้ซ่อนตัวอยู่ในคอนโดหรูแห่งหนึ่งที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงได้เฝ้าดูและติดตามจนพบ MR.XU ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับสาธารณรัฐประชาชนจีน และถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว ฯอยู่บริเวณริมถนนแถวคอนโดดังกล่าว จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอทำการตรวจคัน MR.XU ได้สมัครใจพาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเข้าตรวจค้นห้อง ผลการตรวจค้นพบ โทรศัพท์มือถือและบัตรเครดิต จำนวนหลายรายการ จากนั้นจึงได้นำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
จากการสืบสวนทราบว่า MR.XU มีหน้าที่ฟอกเงินให้แก๊ง call center ที่ตั้งอยู่ที่ประเทศกัมพูชา โดยนำ เงินที่ แก๊ง call center ได้มาจากการหลอกลวงประชาชนมาเปลี่ยนเป็นเงินสกุลดิจิตอล หรือติดต่อคนที่อยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าซื้อทองคำหรือสังหาริมทรัพย์ จากการตรวจสอบพบว่า ฟอกเงินให้ขบวนการแก๊งcall center มากกว่า 2,500 ล้านบาท
2. สตม.รวบมือขวาชบวนการลักลอบขนยาเข้าแดนโสมผ่านพัสดุ พบของกลางมูลค่ากว่า 17 ล้านบาทในช่วงระหว่างเดือน มิ.ย.65 ถึง มี.ค.66 กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ณ กรุงโซลได้มีปฏิบัติการปราบปรามเพื่อป้องการการระบาดของยาเสพติดบริเวณโดยรอบสถานบันเทิง เช่น ย่านกังนัม และย่านแทวอนจับกุมผู้เกี่ยวข้องในการจัดจำหน่ายยาเสพติดและผู้เสพสารเสพติด ทั้งหมด 70 ราย ยึยืดของกลางยาเสพติดหลายประเภท มีมูลค่าสูงถึง 620 ล้านวอน ยืดเงินสดมูลค่า 19.15 ล้านวอน รวมเป็นเงินไทยกว่า 17 ล้านบาท
โดยในช่วงดังกล่าว เจ้าหน้าที่สืบสวนของกรุงโชลสืบพบว่า MR.KM ได้หลบหนีมายังประเทศไทย กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ณ กรุงโชล จึงได้ประกาศออกหมายแดงของตำรวจสากล (INTERPOL)สถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทยจึงประสานมายัง สตม. เพื่อจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของประเทศเกาหลีใต้รายสำคัญ คือ MR.KM หรือ นายคิม (นามสมมติ) อายุ 26 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ซึ่งอยู่ในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติรับผิดชอบขนยาเสพติด
บก.สส.สตม. ได้สืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายจนทราบว่า MR.KIM ถือหนังสือเดินทางประเทศเกาหลีใต้ เดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.65 ด้วยวีช่าท่องเที่ยว และได้หลบช่อนอยู่ในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่งต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จึงได้เฝ้าดูและติดตามจนพบ MR.KIM ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับประเทศเกาหลีใต้และได้อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด อยู่บริเวณหน้าหมู่บ้าน จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ โทรศัพท์มือถือ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและนำส่ง
พนักงานสอบสวน สภ.นาจอมเทียน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
จากการสืบสวนทราบว่า MR.KM จะใช้แอพพลิเคชั่น "เทเลแกรม" เพื่อติดต่อซื้อขายยาเสพติดกับลูกค้า และเมื่อมีการตกลงสั่งซื้อ MR.KIM จะแบ่งยาเสพติดให้มีสัดส่วนที่เล็กลงและนำไปไว้ในสถานบันเทิงที่ลับตาคนที่ได้มีการนัดหมายกับผู้ซื้อไว้ล่วงหน้า เพื่ออำพรางไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพบเห็น อีกทั้ง MR.KIMยังเป็นผู้รับหน้าที่ขนยาเสพติดจากประเทศไทยส่งออกไปยังประเทสเกาหลีใต้
สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดชัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแส การกระทำความผิดกรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯสยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th
ทั้งนี้ ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ประกอบกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมายก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฆ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.. พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม.. พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม..พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม, พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม, พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้วรอง ผบก.ศท.ตม.ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการบก.สส.สตม, พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม.. พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม..พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.ชยพานะกิจ ผกก.(สอบสวน)