ถกช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ - ค้าประเวณี ถูกหลอกทำงานเมียนมา
มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กเเละสตรี ถกความร่วมมือเพื่อป้องกัน และแก้ไขปัญหาคนไทยถูกหลอกไปทำงาน และตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ - ค้าประเวณี ในประเทศเมียนมา
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 7 มิ.ย.66 ที่ห้องประชุมโรงแรมแม่โขง เดลต้า บูทีค อ.แม่สาย จ.เชียงราย นายรุจ ธรรมงคล อธิบดีกรมกงสุล ข้าราชการสถานเอกอัคราชฑูต ณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กเเละสตรี ข้าราชการพื้นที่ชายแดนด้าน จ.เชียงราย น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติ จ.เชียงราย พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดประชุมความร่วมมือเพื่อป้องกัน และแก้ไขปัญหาคนไทยถูกหลอกไปทำงานและตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ในประเทศเมียนมา
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้มีคนไทยที่หลงเชื่อโซเซียลมีเดียว่าจะมีงานที่ทำให้มีรายสูงในเมืองต่างๆ รัฐฉาน ประเทศเมียนมา ซึ่งอยู่ในเขตปกครองของชนกลุ่มน้อยและมีกลุ่มทุนจีนสีเทาไปลงทุนสถานบันเทิง แต่เมื่อไปทำงานกลับ ได้เงินไม่ตรงตามเป้า บังคับให้ค้าประเวณี บริการในคาราโอเกะแต่เมื่อทำยอดเงินไม่ได้ก็ถูกขายต่อ
ที่ผ่านมามูลนิธิปวีณาฯ มีผู้แจ้งว่าถูกหลอกไปทำงานจำนวน 32 ราย สามารถช่วยเหลือกลับมาได้เพียง 5 ราย ส่วนที่เหลืออีก 27 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการ รายล่าสุดชื่อ น.ส.แนน ชาว จ.ชลบุรี ถูกหลอกไปทำงานที่เมืองล็อกกิ่ง รัฐฉาน ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.ซึ่งนางปวีณาได้สื่อสารทางโทรศัพท์ติดต่อด้วยทราบว่าได้ถูกบังคับทำงาน ทำร้ายร่างกาย และเสพยาเสพติดซึ่งนางปวีณารับปากว่าจะพยายามช่วยเหลือกลับประเทศไทยให้ได้
นายรุจ กล่าวว่า การช่วยเหลือระยะสั้นคงต้องประสานกับทางการเมียนมาเป็นหลักก่อนส่วนระยะยาวจะมีการประชาสัมพันธ์ และร่วมกับอีกหลายหน่วยงานแจ้งเตือนคนไทยให้ทราบถึงสถานการณ์ที่แท้จริงต่อไป
น.ส.พิมพ์ ไชยสาส์น เลขานุการเอก (รับผิดชอบฝ่ายกงสุล) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง กล่าวว่าปัจจุบันงานที่นิยมชักชวนคนไทยไปทำงานคือประเภทคอลเซ็นเตอร์และต่อมา คือ โรแมนซ์สแกมเมอร์ สาเหตุที่คนไปทำงานกันมากเนื่องจากมีธุรกิจสีเทาในบางพื้นที่ที่รัฐบาลเมียนมาไม่สามารถเข้าภปกำกับดูแลได้ และในพื้นที่เขตปกครองตนเอง โดยเหยื่อที่ถูกหลอกหรืออ้างว่าถูกหลอกมักจะถูกส่งไปทำงานที่เมืองป๊อก เมืองลา เมืองล็อกกิ่ง ชเวโก๊กโก่ และล่าสุดไปถึงเมืองย่างกุ้งแล้ว แรงดึงดูดสำคัญคือการอ้างว่าจะให้เงินจำนวนมาก และทำสัญญาจ้างงานเป็นภาษาจีน เมื่อหาเงินไม่ได้ตามเป้าก็จะถูกขายต่อ
จากนั้นผู้ร่วมประชุมได้ประสานกับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา (TBC) ฝ่ายไทย อ.แม่สาย และ TBC ฝ่ายเมียนมา เพื่อเดินทางข้ามไปหารือกับนายอู่ มิ้น ไหน่ ผู้ว่าการ จ.ท่าขี้เหล็ก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อลในประเทศเมียนมา ติดกับ อ.แม่สาย และเป็นพื้นที่สำคัญที่กลุ่มคนไทยมักข้ามพรมแดนไปก่อนกระจายไปทำงานตามเมืองต่างๆ ในรัฐฉาน เพื่อประสานขอความช่วยเหลือคนไทยที่ตกค้างดังกล่าวต่อไป
ด้านนางปวีณา ได้นำภาพขมาแสดงว่ากำลังมีการก่อสร้างใหญ่โต และเป็นจุดสำคัญที่คนไทยโดยเฉพาะผู้หญิงถูกหลอกไปทำงาน พร้อมระบุว่านับเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าปัจจุบันหญิงไทยถูกหลอกให้เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์และค้าประเวณีในประเทศเมียนมา ซึ่งสาเหตุเกิดจากกลุ่มทุนจีนสีเทาที่เข้าไปสร้างอาณาจักรของตัวเองตามเมืองต่างๆ เช่น เมืองป๊อก เมืองล็อกกิ่ง เมืองเมียวดี และมีอีกหลายจุด ทำให้การช่วยเหลือคนไทยออกมาต้องใช้วิธีพิเศษโดยประสานกับฝ่ายทหาร
นางปวีณา ยังได้ยกตัวอย่างเหยื่อหลายราย เช่น มีเด็กหญิงไทยชาว จ.บุรีรัมย์ อายุ 16 ปี ถูกเด็กหญิงอายุ 17 ปีหลอกทางเฟซบุ๊กชักชวนให้ไปเที่ยวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก ก่อนหลอกพาไปกินข้าวฝั่ง จ.เมียวดี แล้วถูกจับไปทำงานในสถานบันเทิงครบวงจรที่มีซ่องโสเภณีอยู่นับ 10 แห่ง จนผ่านไปหลายวันเจ้าหน้าที่ไทยช่วยเหลือกลับมาได้ในสภาพสะบักสะบอมจนต้องพาไปฟื้นฟูสภาพจิตใจ และอีกรายปลายปี 2565 มีหญิงไทยถูกหลอกให้ไปทำงานที่เมืองล็อกกิ่งชายแดนประเทศเมียนมา-จีนโดยถูกบังคับให้ค้าประเวณีเมื่อไม่ยอมก็ให้อดข้าว 3 วัน ทำร้ายร่างกาย เมื่อยินยอมทำงานก็ให้เสพยาเสพติดจนกระทั่งได้รับการช่วยเหลือกลับด้าน อ.แม่สาย
ด้าน กรณีแม่น.ส.ชองซัม ยี อายุ 22 ปี หรือแองจี้ นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ได้เผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อโซเชียลฯ ว่าลูกสาวเดินทางไปเที่ยวที่ภาคเหนือของไทยและได้หายตัวไปแล้วติดต่อไม่ได้ โดยเบื้องต้นระบุว่าหายไปจากท้องที่ จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา และ ได้ปรากฏ ตัวอยู่ที่ชายแดนอำเภอแม่สายจังหวัดเชียงราย
ซึ่งข้อมูลล่าสุด ทางเจ้าตัว ได้ ส่งข้อความทางโซเชียลมีเดียมาถึงแม่ของตนเอง โดยมีข้อความว่าตนเองสบายดีแม่ไม่ต้องเป็นห่วงแต่อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่า แองจี้อาจจะถูกบังคับ ให้พิมพ์ข้อความดังกล่าวจึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือ เพื่อนำตัวเองที่กลับมา