สตม. ลุยกวาดล้างมังกร ผู้ต้องหาสำคัญ 9 ราย หนีคดีฉ้อโกง-ฟอกเงิน
ตำรวจสตม.เปิดยุทธการกวาดล้างมังกรซ่อนกาย จับชาวจีนหนีคดีกบดานในไทยตามหมายจับ 9 ราย พบความผิดคดีสำคัญ “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน-ใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์และธุรกิจผิดกฎหมาย” ส่วนอีก 2 คดี ระดมกวาดล้างชาวจีน-ชาวกัมพูชา-ชาวเมียนมา ลักลอบเข้ามาทำงานในไทย
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2566 พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(ผบช.สตม.) นำแถลงการการจับกุมคดีสำคัญ 3 คดี โดยคดีแรกจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน 9 ราย ตามยุทธการกวาดล้างมังกรซ่อนกาย ครั้งที่ 2 หลังจากเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย แจ้งข้อมูลผู้ต้องหาตามหมายจับของ สาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 9 ราย ซึ่งได้หลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย และมีความประสงค์ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการจับกุมและควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย ส่งกลับไปดำเนินคดีที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ในจำนวนนี้แบ่งเป็นถูกแจ้งข้อหาฉ้อโกง 3 ราย ,ฉ้อโกงสัญญา 2 ราย ,ฟอกเงิน 2 ราย ,ใช้อำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว 1 ราย และดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย 1 ราย
ทั้งนี้ หลังจับกุมได้ตรวจสอบพบมีเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด จำนวน 7 ราย การอนุญาตสิ้นสุดแล้ว (OVERSTAY) จำนวน 2 ราย จึงอนุมัติให้เพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรไทย ก่อนส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อรอผลักดันส่งกลับออกนอกราชอาณาจักรไทย ส่วนคนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักร โดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 2 หลังได้รับแจ้งว่า มีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่แห่งหนึ่งใน ต.บ่อทอง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี จะมีคนสัญชาติจีนเข้ามาทำงานภายในโครงการจำนวนหลายสิบคน จึงได้ประสานงานกับ ตม.จว.ปราจีนบุรี และ สภ.วังตะเคียนร่วมกันไปตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบคนจีนทำงานอยู่ภายในสถานที่ก่อสร้างดังกล่าว จำนวน 35 คน
จากการตรวจสอบพบว่า คนจีนดังกล่าวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยด้วยวีซ่า นักท่องเที่ยว จำนวน 32 คน วีซ่าคนอยู่ชั่วคราว 2 คน และ คนประจำพาหนะ จำนวน 1 คน และพบว่าอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) จำนวน 2 คน โดยทั้ง 35 คน ไม่มีใบอนุญาตทำงาน จึงแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.วังตะเคียน
นอกจากนี้ ยังได้จับกุมแรงงานสัญชาติเมียนมา ได้อีก 9 คน ซึ่งเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และได้เปรียบเทียบปรับเจ้าบ้านในข้อหา เจ้าบ้าน เจ้าของหรือผู้ครอบครองเคหสถานซึ่งรับคน ต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเข้าพักอาศัย ไม่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 24 ชั่วโมงนับแต่เวลาที่คนต่างด้าวเข้าพักอาศัย จำนวน 3 ราย เปรียบเทียบปรับคนต่างด้าวในข้อหา คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเกิน 90 วัน ไม่แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบถึงที่พักอาศัยของตนโดยมิชักช้าเมื่อครบระยะ 90 วัน จำนวน 1 คน
คดีที่ 3 สืบเนื่องจากการสืบสวนขยายผล ขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวกัมพูชา ลักลอบเข้าเมืองในพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออก อาทิเช่น สระแก้ว ฉะเชิงเทรา พบขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวเรียกว่า แก๊งคลองหาด มีพฤติการณ์ลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศโดยมีการนำแรงงานต่างด้าวเดินเท้าข้ามชายแดน พาขึ้นรถจากป่าติดชายแดน เอาตัวมาหลบซ่อนไว้ในพื้นที่ชั้นในบริเวณ อ.พนมสารคาม จากนั้นจะมีรถมารับแรงงานจากจุดซ่อนตัวเข้าไปส่งที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ชลบุรี หรือระยอง
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ลงพื้นที่เฝ้าสังเกตการณ์ บริเวณจุด ซ่อนตัวแรงงานต่างด้าว จนกระทั่งเวลาประมาณ 02.30 น.ของวันที่ 12 มิถุนายน 2566 พบรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว รถยนต์เชฟโรเลต สีเทา และรถยนต์โตโยต้า รีโว่สีขาว ขับเข้ามารับแรงงานต่างด้าว ขณะรับแรงงานต่างด้าวขึ้นรถเสร็จ กำลังจะขับออกจากชายป่า เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม พบแรงงานต่างด้าวจำนวน 19 คน และพบตัวนายธันยพงศ์ฯ และนายสุเทพฯ เป็นคนขับรถ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปยัง สภ.เขาหินซ้อน
นายธันยพงศ์ฯ และนายสุเทพฯ ให้การรับว่าทำมาแล้วหลายครั้ง ได้ค่าจ้างขับรถประมาณ 1,500 บาทต่อ แรงงานหนึ่งคน ส่วนแรงงานต่างด้าวให้การว่าต้องจ่ายทั้งหมดคนละประมาณ 5,000 - 8,000 บาท