สรุปแถลงปิดคดี 'แอม ไซยาไนด์' วางยาฆ่าเจ้าหนี้ ตาย 14 รอด 1 ราย
สรุปแถลงปิดคดี 'แอม ไซยาไนด์' วางยาฆ่าเจ้าหนี้ ตาย 14 รอด 1 ราย บิ๊กโจ๊กชี้เป็นคดีประวัติศาสตร์ มั่นใจเอาผิดได้ และจะไม่กลับมาก่อเหตุอีก
ตำรวจแถลงปิดคดี แอม ไซยาไนด์ รองผบ.ตร. บิ๊กโจ๊ก ชี้เป็นคดีประวัติศาสตร์ หลังใช้เวลารวบรวมหลักฐานกว่า 3 เดือน มีเอกสารกว่า 26,500 แผ่น ใช้ชุดสืบสวนมากที่สุด เผยงานวิจัยบอกลักษณะฆาตกรต่อเนื่อง หากเป็นหญิงจะเกี่ยวกับการเงิน-ทรัพย์สิน ถ้าผู้ชายจะเป็นคดีเกี่ยวกับเพศ มั่นใจดำเนินคดีได้แน่นอน และจะกลับมาก่อเหตุซ้ำได้อีก ยืนยันแอมมีสภาพจิตปกติ
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หรือ "บิ๊กโจ๊ก" เป็นประธาน พร้อม พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบช.สพฐ.ตร. พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พล.ต.ต.กำธร อุ่ยเจริญ ผบก.สพฐ.ภ.7 พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4
และ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปะศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมแถลงคดีนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม ไซยาไนด์ ผู้ต้องหาวางยาฆ่าเจ้าหนี้ 15 คดี ในพื้นที่ 8 จังหวัด โดยคดีแรกเกิดในปี 2558 ต่อเนื่องปี 2566 มีผู้เสียชีวิต 14 ราย รอดชีวิต 1 ราย
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตทั้งหมด มีความเกี่ยวพันกับแอม ไซยาไนด์ ในฐานะเจ้าหนี้เงินกู้ นายหน้าขายรถมือสอง และลูกวงแชร์ ซึ่งพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีประกอบด้วยตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปราม ตำรวจภูธรภาค 7 ตำรวจพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ได้รวบรวมพยานหลักฐาน จากพื้นที่เกิดเหตุ เป็นภาพจากกล้องวงจรปิด สอบปากคำแพทย์ผู้ชันสูตร ซึ่งสถาบันนิติเวชวิทยา ได้ตรวจสอบเลือดและสารคัดหลั่ง ในกระเพาะจากศพเหยื่อรายสุดท้ายที่ จ.ราชบุรี พบสารไซยาไนด์ ในเนื้อตับของผู้ตาย รวมพยานอื่นๆ ทั้งหมดกว่า 900 ปาก
มีเอกสารเกี่ยวกับคดีถึง 26,500 แผ่น ใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานมากกว่า 3 เดือน ถือเป็นคดีที่ระดมชุดสืบสวนสอบสวนมากที่สุดในประเทศไทย จนสามารถสรุปสำนวนดำเนินคดี นางสรารัตน์ รวม 15 คดี ประกอบด้วย
- ความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น
- ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ
- ชิงทรัพย์โดยเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และปลอมปนอาหาร ยา หรือเครื่องอุปโภค บริโภคอื่นใด เพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้
- การปลอมปนนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และปลอม และใช้เอกสารปลอมฯ รวมกว่า 75 ข้อหา
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนยังสรุปสำนวนดำเนินคดีกับบุคคลใกล้ชิดนางสรารัตน์ อีก 2 รายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำลายพยานหลักฐานได้แก่
1. พ.ต.ท.วิฑูรย์ อดีตสามีแอมคนล่าสุด
2. น.ส.ธันย์นิชา ทนายความส่วนตัวของนางสรารัตน์
ดำเนินคดีฐาน เพื่อจะ ช่วยผู้อื่นมิต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหาย หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำผิด
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ที่ผู้ต้องหาวางแผนฆาตกรรมต่อเนื่อง ยาวนานกว่า 8 ปี โดยวางยาพิษให้เหยื่อกินจนเสียชีวิต ในลักษณะเหมือนการเจ็บป่วย ด้วยภาวะการทำงานของหัวใจล้มเหลว เพื่อให้ญาติไม่มีข้อสงสัย ก่อนหวังเอาทรัพย์สินจากเหยื่อ หรือล้างหนี้ที่เคยยืมกันมา
ซึ่งมีผลการวิจัยพบว่า หากฆาตกรเป็นผู้หญิงจะเกี่ยวกับการแสวงหาผลประโยชน์จากคนใกล้ชิด หากเป็นผู้ชายจะเกี่ยวกับการฆ่า เรื่องทางเพศ และล่าเหยื่อเป็นหลัก ส่วนฆาตกรรมต่อเนื่องคือการฆ่าคนมากกว่า 2 คนขึ้นไป โดยทิ้งระยะเวลาห่างกัน ต่างจากการสังหารหมู่ ทั้งนี้ขอให้มั่นใจว่าสามารถดำเนินคดีผู้ต้องหาได้แน่นอน และจะไม่เกิดเหตุซ้ำ เช่นคดีนายสมคิด พุ่มพวง หรือคิด เดอะริปเปอร์ ฆาตกรต่อเนื่อง ที่ออกจากเรือนจำมาก่อเหตุซ้ำแน่ พร้อมยืนยันว่านางสรารัตน์ มีสภาพจิตปกติทุกอย่าง
ด้าน พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า หลังมีผู้เสียชีวิตที่ จ.ราชบุรี พบหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ที่มีบุคคลต้องสงสัยมาด้วยกันกับผู้ตาย เดินลงไปที่ท่าน้ำ ก่อนขึ้นมาและหลบหนีออกไป เมื่อตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาได้ลักทรัพย์ของผู้ตายไป จึงเปิดคดีและมารดาผู้ตาย สงสัยว่าเป็นการตายพิษธรรมชาติ จึงมาร้องเรียนที่กองปราบปราม ก่อนที่ กก.5 บก.ป. ลงพื้นที่สืบสวนข้อเท็จจริง และได้รับสารคัดหลั่งจากผู้ตาย มาตรวจที่สถาบันนิติเวช พบสารพิษไซยาไนด์ในเลือดและกระเพาะอาหาร ในปริมาณเข้มข้นสูง
ทั้งยังได้ข้อมูลจากพยานบุคคล ที่ได้รับถุงดำบรรจุสารโพรแทสเซียมไซยาไนด์ มาจากนางสรารัตน์ ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่านางสรารัตน์ลงมือก่อเหตุจริง จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับมาดำเนินคดี จากนั้นมีญาติผู้ตาย 13 ราย และผู้รอดชีวิต 1 ราย สงสัยว่าญาติตนเองประสบเหตุในลักษณะเดียวกัน จึงร้องทุกข์ในหลายพื้นที่ทั้งตำรวจนครบาล ภ.4 และ ภ.7
เมื่อ ผบ.ตร. เห็นว่าคดีเกิดขึ้นทั่วประเทศ จึงมีคำสั่งโอนคดีมายัง บก.ป.เมื่อสืบสวนสอบสวน พบมูลเหตุจูงใจหลัก 2 เรื่องคือ
1.ฆ่าเพื่อเอาทรัพย์สินเหยื่อไป
2.ผู้ตายและผู้ต้องหามาความเกี่ยวข้องกัน โดยผู้ต้องหาหลอกยืมเงินผู้ตาย ให้เงินไปปล่อยกู้และรับดอกเบี้ยอัตราสูง และเล่นแชร์ ซึ่งไม่มีเหยื่อรู้ตัวว่าจะถูกสังหาร
พ.ต.อ.เอนก กล่าวอีกว่า แนวทางการสืบสวนยังพบว่าผู้ต้องหาติดพนันออนไลน์ มีหนี้ในระบบและนอกระบบจำนวนมาก จึงต้องหาเงินมาชดใช้คืนด้วยวิธีการดังกล่าว โดยพบพฤติกรรมก่อเหตุมี 3 ประการ
1.ขับรถไปรับผู้ตายออกมารับประทานอาหารจากที่บ้าน ก่อนลอบวางไซยาไนด์ และนำไปส่งบ้าน กระทั่งผู้ตายเสียชีวิต
2.รับผู้ตายจากบ้าน และลอบวางไซยาไนด์จนเสียชีวิต
3.ส่งแคปซูลยา อ้างเป็นยาลดความอ้วนไปให้ผู้ตายถึงที่บ้าน ซึ่งมีคดีเดียวใน จ.มุกดาหาร หลังผู้ต้องหาเห็นผู้ตายต้องการจะลดน้ำหนักหลังคลอด
พ.ต.อ.เอนก กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังก่อเหตุผู้ต้องหาจะโทรศัพท์หาเหยื่อ หรือคนใกล้ตัวเหยื่อว่ามีอาการหรือไม่ หากมีอาการแล้วจะตัดขาดการติดต่อไป จากนั้นผู้ต้องหาพยายามทำลายพยานหลักฐาน โดยไปเอาโทรศัพท์มือถือผู้ตายออกมา ก่อนนำโทรศัพท์อีกเครื่องไปวางไว้แทน หรือหาทางเอาโทรศัพท์จากญาติผู้ตาย มาให้ตนเองทำลายข้อมูลในโทรศัพท์ ที่จะเชื่อมโยงมาถึงตัว รวมถึงยังเอาทรัพย์สินต่างๆ ของผู้ตาย และทำหลักฐานเท็จ เพื่อไปเอาทรัพย์สินจากญาติผู้ตายด้วย
สำหรับความเกี่ยวข้องของผู้ต้องหาที่มีความใกล้ชิดกับนางสรารัตน์นั้น หลังผู้ต้องหาลงมือสังหารเหยื่อที่ จ.ราชบุรี ก็ได้นำทรัพย์สิน ใส่กระเป๋ากลับไปหาสามีที่ จ.กาญจนบุรี ก่อนสามีจะไปฝากไว้ที่บ้านเกิดแม่ ใน จ.สุโขทัย จากนั้นนางสรารัตน์ จึงแจ้งแม่สามีให้ส่งกระเป๋ากลับมา โดยสามีได้วางแผนร่วมกันกับทนายหรือไม่ เพื่อนำกระเป๋าไปซุกซ่อนที่อยู่ของพยานใน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
ส่วนเงื่อนไขตามข้อกฎหมาย ที่พิจารณางดเว้นโทษประหาร หากผู้ต้องหาเป็นหญิงตั้งครรภ์นั้น ตามที่นางสรารัตน์ ได้แท้งลูกไปแล้ว จึงถือว่าไม่เข้าเงื่อนไขข้างต้น และข้อหาที่สั่งฟ้องมีโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต ขณะที่สำนวนทั้ง 15 คดี จะเริ่มทยอยส่งให้อัยการภายในวันนี้
ขณะที่ พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบไซยาไนด์ที่ใช้ก่อเหตุ มียี่ห้อชื่อแพรีแอค ผลิตที่ประเทศสเปน นำเข้าโดย 1 ใน 5 บริษัทในไทย ซึ่งเป็นไซยาไนด์ที่มีความเข้มข้นถึง 75% และสั่งนำเข้ามา 2,000 ขวด ตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งพบเป็นล็อตเดียวกัน กับขวดของกลางที่ใช้ สำหรับสินค้าพบว่าคงเหลือที่ 543 ขวด และอีก 1,600 กว่าขวด ถูกจำหน่ายไปหลายแห่ง
ทั้งสถานศึกษา และเทรดเดอร์ต่างๆ 6 แห่ง ที่ประชาชนสามารถสั่งซื้อได้ โดยพบว่ามีแห่งหนึ่ง จำหน่ายให้ประชาชนแล้วนำไปใช้ฆ่าตัวตาย ฆ่าสัตว์ หรือใช้ผิดวัตถุประสงค์ สำหรับนางสรารัตน์ ได้สั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัทแห่งหนึ่งข้างต้น และผู้ต้องหาให้จัดส่งผ่านแมสเซนเจอร์แทนไปรษณีย์