สักเสือเผ่น ถูกเพื่อนร่วมวงเหล้าแทงไม่เข้า แต่ลื่นล้มถูกฟันหัว เจ็บ 3

กรณี สักเสือเผ่น ถูกเพื่อนร่วมวงเหล้าแทงไม่เข้า เมื่อเวลา 00.01 น. วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงใต้ สมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาท มีผู้ได้รับบาดเจ็บ บริเวณหน้าบ้านพักหลังหนึ่ง ภายในซอยจับเส้น ตำบลสำโรง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูเดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ในที่เกิดเหตุพบ นายอนุรักษ์ อายุ 42 ปี นั่งอยู่กับพื้น มีเลือดทั่วร่างกาย มีแผลฉีกขาดที่นิ้วชี้กับนิ้วก้อยข้างซ้าย มีลอยกัดที่หลังคอ หัวไหล่ และแขนทั้งสองข้าง เจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาลสมุทรปราการ

ห่างออกไปไม่ไกลพบ นายเสนาะ อายุ 60 ปี ที่กลางอกมีรอยสักเสื้อเผ่น นั่งอยู่ที่เปผ้า มีแผลถูกมีดฟันที่ศีรษะ มีแผลฉีกขาดที่นิ้วโป้งมือซ้าย มีแผลฉีกขาดที่ข้อซอกขวา และที่บริเวณใต้ราวนมข้างซ้าย และด้านข้างฝั่งขวา มีแผลคล้ายถูกมีดแทงแต่ไม่เข้า เจ้าหน้าที่ให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาลสมุทรปราการ 

ใกล้กันพบนายอรัญ อายุ 30 ปี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ในที่เกิดเหตุยังพบมีดพกอีก 1 เล่มตกอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบถามนายเสนาะ คนนี้ที่มีรอยสักเสือเผ่น ซึ่งเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บ บอกว่า ตนเองกับนายอนุรักษ์ พากันนั่งดื่มสุรากันบริเวณดังกล่าว จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุไม่นาน ภรรยาของนายอนุรักษ์ได้มาตาม นายอนุรักษ์ที่วงเหล้าให้กลับบ้าน 

ซึ่งในจังหวะนั้นกำลังติดลมกันทำให้นายอนุรักษ์ไม่พอใจ เกิดการต่อว่าและโต้เถียงกันกับภรรยา ด้วยความที่ทั้งสองคนเสียงค่อนข้างดัง ตนเองจึงไปบอกให้ทั้งสองเบาเสียงเพราะข้างบ้านเขาพักผ่อน ตนจึงได้เรียกภรรยาของนายอนุรักษ์มาพูดคุยให้เข้าใจ ทำให้นายอนุรักษ์ไม่พอใจคว้ามีดวิ่งออกมาจากบ้านไล่แทงที่ลำตัวตนถึงสามครั้งแต่แทงไม่เข้า 

จังหวะที่ตนเอี้ยวตัวหันกลับมาไปเหยียบขวดที่อยู่แถวนั้น จนลมจึงถูกฟันเข้าที่ศีรษะจากนั้นตนเองจึงแย่งมีดจนมีดบาดที่ผ่ามือ

นายอรัญ ซึ่งเป็นคนที่เข้าไปช่วยห้ามและได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย บอกว่า ขณะที่ตนเองกำลังดูมวยอยู่ในบ้านพัก ได้ยินเสียงคล้ายคนทะเลาะกัน จึงออกมาดูพบว่าทั้งสองฝ่ายกำลังชกต่อยทำร้ายร่างกายกัน จึงพากันเข้าห้าม จนเกิดการชุลมุนกันก่อนที่จะช่วยกันแย่งมีดจากนายอนุรักษ์ได้ และไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาระงับเหตุ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ จะเข้าสอบปากคำทั้งสองฝ่ายอีกครั้งก่อนจะแจ้งข้อหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป