รับมือ 'เอลนีโญ' ชลประทาน ร่วม กฟผ.เขื่อนอุบลรัตน์ เตรียมจัดการบริหารน้ำ 2 ปี
กรมชลประทาน จับมือ กฟผ.เขื่อนอุบลรัตน์ เตรียมจัดการบริหารน้ำ 2 ปี เริ่มตั้งแต่ฤดูฝนปีนี้ จนถึงฤดูฝนปีหน้า รับมือปรากฏการณ์เอลนีโญ ยืนยันมีน้ำเพียงพอ แต่ไม่เพียงพอสำหรับการเพาะปลูกพืชใช้น้ำมาก
วันนี้ (23 ก.ค. 66) นายสมปอง ฉ่ำกระมล ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา สำนักงานชลประทานที่ 6 เปิดเผยว่า สำนักงานชลประทานที่ 6 รับผิดชอบพื้นที่ลุ่มน้ำชี ครอบคลุม 5 จังหวัด คือ ชัยภูมิ, ขอนแก่น, มหาสารคาม, กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด มี 3 เขื่อนใหญ่ที่ใช้ในการกักเก็บน้ำ คือ เขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น และเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ โดยปีนี้ได้วางแผนการบริหารจัดการน้ำต่อเนื่อง 2 ปี เพื่อรับมือกับสถานการณ์เอลนีโญที่เกิดขึ้น โดยคณะกรรมการจัดการน้ำเตรียมจัดการบริหารน้ำ 2 ปี เริ่มตั้งแต่ฤดูฝนปีนี้ จนถึงฤดูฝนปีหน้า ซึ่งต้องบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอจนถึงปีหน้าให้ได้ ด้วยการวางมาตรการรับมือด้วยการให้เกษตรกรลดการเพาะปลูก หรือปรับเปลี่ยนไปใช้พื้นใช้น้ำน้อย
จากปรากฎการณ์เอลนีโญ สำนักงานชลประทานที่ 6 วางแผนการใช้น้ำ 2 ปี ในส่วนของน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค ยืนยันว่ามีเพียงพอ แต่ไม่เพียงพอสำหรับการเพาะปลูกพืชใช้น้ำมาก จึงขอความร่วมมือประชาชนในการลดการเพาะปลูกลง หรือปรับไปปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทน แต่หากน้ำมีไม่มากเตรียมประสานขอความร่วมมือศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือเติมน้ำฝนให้เขื่อนใหญ่ทั้ง 3 แห่ง เพื่อให้มีน้ำเพียงพอจนกว่าสถานการณ์น้ำจะเข้าสู่ภาวะปกติ
ทั้งนี้ ปัจจุบัน 3 เขื่อนใหญ่กักเก็บน้ำได้ประมาณ 2,500 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) โดยเขื่อนจุฬาภรณ์ มีน้ำ 60.29 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 36, เขื่อนอุบลรัตน์ มีน้ำ 815 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 33 และเขื่อนลำปาว มีน้ำ 950.40 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 48 ในระยะนี้จึงรอน้ำฝนที่จะตกลงมาเติม ซึ่งถือว่าเขื่อนขนาดใหญ่ยังคงรองรับน้ำได้อีกมาก ส่วนการระบายน้ำในระยะนี้ได้กำหนดให้ เขื่อนอุบลรัตน์ระบายน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคประมาณวันละ 600,000-800,000 ลบ.ม. เขื่อนลำปาวยังคงระบายน้ำตามปกติ ส่วนเขื่อนจุฬาภรณ์ระบายเพื่ออุปโภคบริโภคเพียงอย่างเดียว ในภาคการเกษตรขอความร่วมมือเกษตรกรให้ใช้น้ำฝนเป็นหลัก พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัดและรองน้ำฝนไว้ใช้เผื่อช่วงฤดูแล้งด้วย