บิ๊กโจ๊ก บินด่วนเคลียร์ปัญหาวัดบางคลาน ตรวจทรัพย์สิน 161 รายการ
"บิ๊กโจ๊ก" บินด่วนพิจิตร เคลียร์ปัญหาวัดบางคลาน ที่ยืดเยื้อมาเกือบ 10 ปี เป็นคนกลางเชิญร่วมกันตรวจทรัพย์สิน 161 รายการอยู่ครบ เจรจากลุ่มชาวบ้านฝ่ายต่อต้านเจ้าอาวาส
วันนี้ (22 ส.ค. 66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมคณะซึ่งประกอบด้วย นางเพ็ญรวี มาแสง รองอธิบดีกรมบังคับคดี, พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ รองผู้บัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, นายชิตชัย สุทธิภูล ผู้อำนวยการกองบังคับคดี ล้มละลาย, นายสมบัติ พิมพ์สอน ผู้ตรวจราชการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, นายเชิดศักดิ์ ทองหนัน ผอ.กลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, พ.ต.ต.ชานนท์ อ่วมทร สวป.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ ลงจอดที่หน้า สภ.โพทะเล โดยมี นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร, พล.ต.ต.กำธร จันที ผบก.ภ.จว.พิจิตร และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของจังหวัดพิจิตรรอให้การต้อนรับ
จากนั้นทั้งหมดได้เดินทางเข้าไปภายในวัดหิรัญญาราม หรือ วัดบางคลาน (วัดหลวงพ่อเงิน) ต.บางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร โดยมีกำลังตำรวจประมาณ 150 นาย ดูแลรักษาความเรียบร้อย จากนั้นเดินเข้าประตูวัดบางคลาน “บิ๊กโจ๊ก” ก็ถึงกับงง เมื่อเจอ ส.ว.กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ แต่งเครื่องแบบเต็มยศ ยืนปะปนอยู่กับมวลชน ที่เป็นฝ่ายต่อต้านเจ้าอาวาสและเป็นกลุ่มที่เข้ายึดวัดมาตั้งแต่ 6 เม.ย. 66 โดยไม่ยอมให้ พระครูพิสุทธิวรากร เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน เข้าวัด ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันประชุมสภาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่ง ส.ว.กิตติศักดิ์ ได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เป็นห่วงชาวบ้านกลุ่มนี้มากกว่าจึงไม่ได้เข้าประชุมสภา เพราะขาดตนเองเพียงแค่เสียงเดียวการโหวตนายกก็ทำกันได้
โดย “บิ๊กโจ๊ก” ก็ได้เดินไปถึงกุฏิไม้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีปัญหา เนื่องจากเป็นกุฏิของอดีตเจ้าอาวาสที่ต่างฝ่ายต่างบอกว่ามีทรัพย์สิน-มีวัตถุมงคล-มีวัตถุโบราณ-มีงาช้าง ตั้งแต่สมัยที่หลวงพ่อเงินยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งจะต้องตรวจสอบจึงได้ดำเนินการเรียกตัวแทนของทั้งสองฝ่าย คือ ฝ่ายเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน และฝ่ายของลูกศิษย์ของอดีตเจ้าอาวาสและฝ่ายราชการ คือ สำนักงานบังคับคดี และ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แต่ไม่มีชื่อของ สว.กิตติศักดิ์ ในการร่วมตรวจทรัพย์สินเพราะไม่ใช่คู่ความหรือ คู่กรณีกันจึงทำให้ สว.กิตติศักดิ์ ซึ่งแต่งเครื่องแบบเต็มยศอย่างเท่ห์ต้องนั่งแก่วรออยู่ด้านล่างนานเกือบ 2 ชั่วโมง และเมื่อตรวจสอบเสร็จสิ้นก็ลงมาใช้โทรโข่งประกาศให้ทุกฝ่ายทราบว่าทรัพย์สินจำนวน 116 รายการ อยู่ครบ
จากนั้นก็ให้ตัวแทนของทั้งสองฝ่าย คือ ฝ่ายเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน และฝ่ายของลูกศิษย์ของอดีตเจ้าอาวาส ร่วมกันไปเปิดกุฏิ 3 ฤดู ซึ่งเป็นกุฏิขิองเจ้าอาวาสที่ถูกฝ่ายต่อต้านยึดและใส่กุญแจให้เปิดเพื่อให้เจ้าอาวาสได้เข้าใช้กุฏิของตนและยังได้ไปเปิดทุกจุดที่ถูกฝ่ายต่อต้านยึด จากนั้นก็เรียกชาวบ้านฝ่ายต่อต้านเจ้าอาวาสประมาณ 200 คน ที่วันนี้พร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองเป็นทีมเดียวกันให้ได้เข้าใจว่า “บิ๊กโจ๊ก” มาเพื่อทำหน้าที่ตามกฎหมายและเป็นคนกลางเจรจา ซึ่งยืนยันว่าหลังจากนี้ พระครูพิสุทธิวรากร เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ที่ได้รับแต่งตั้งถูกกฎหมายของคณะสงฆ์จะต้องเข้าวัดได้และทำหน้าที่บริหารกิจการงานของวัด วัดจะต้องเปิด-ปิด ตามเวลาที่กำหนด บุคคลภายนอกที่ไม่ข้องเกี่ยวจะเข้ามาปักหลักกินอยู่หลับนอนภายในวัดไม่ได้ แต่จะให้มีตัวแทนทั้ง 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน และฝ่ายของลูกศิษย์ของอดีตเจ้าอาวาส รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย ให้อยู่ภายในวัด แต่ฝ่ายชาวบ้านต่อรองว่าจะขอตัวแทน ฝ่ายของลูกศิษย์ของอดีตเจ้าอาวาสจำนวน 10 คน ให้สามารถอยู่นอนใต้ถุนกุฏิไม้ที่มีทรัพย์สินของอดีตเจ้าอาวาสและของหลวงพ่อเงินซึ่งอยู่บนกุฏิเพราะเกรงว่าฝ่ายเจ้าอาวาสจะเอาทรัพย์สินไป ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจากันต่อหน้า “บิ๊กโจ๊ก” ว่าให้เป็นไปตามนั้น
เรื่องทุกอย่างดูเหมือนจะจบลงด้วยดีเพราะใช้เวลากว่า4 ชั่วโมง ในการตรวจสอบทรัพย์สินเจรจาพูดคุย จะกระทั่งเวลา 16.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. “บิ๊กโจ๊ก” พร้อมคณะ ก็ได้เดินทางออกจากประตูวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน พอ “บิ๊กโจ๊ก” คล้อยหลังไปเท่านั้น กลุ่มชาวบ้านก็ยังคงปักหลักอยู่เหมือนเดิมและมี สว.กิตติศักดิ์ ร่วมวงอยู่กับเค้าด้วย จนในที่สุด พระครูพิสุทธิวรากร เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน และคณะกรรมการวัด รวมถึงทนายความฝ่ายกฎหมายของวัดที่มีเพียงไม่ถึง 10 คน ดูแล้วสถานการณ์ไม่ดีไม่น่าจะปลอดภัย ก็ต้องขับรถออกจากวัดมาด้วยเช่นกัน โดยสรุปสถานการณ์ของวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม