พยานพร้อมให้ปากคำ คดี 'ฌอน' ฉ้อโกงเงินบริจาคช่วยไฟป่าเชียงใหม่ 10 ต.ค.นี้
หลังอัยการนนทบุรีสั่งฟ้อง 'ฌอน บูรณะหิรัญ' คดีฉ้อโกงเงินบริจาคช่วยไฟป่าเชียงใหม่ ล่าสุดพยานเข้าพบปลัดจอมแฉเพื่อเตรียมเอกสาร ก่อนจะไปเป็นพยานในวันที่ 10 ต.ค.นี้ มั่นใจหลักฐานแน่น
วันที่ 19 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นาย 'ฌอน บูรณะหิรัญ' ไลฟ์โค้ชชื่อดัง ถูกอัยการจังหวัดนนทบุรี สั่งฟ้องในข้อหาฉ้อโกงประชาชน กรณีเงินบริจาคช่วยเหลือ 'ไฟป่าเชียงใหม่' โดยผู้เสียหายได้รับหนังสือจากศาลจังหวัดนนทบุรีและพร้อมที่จะไปเป็นพยานตามเอกสารที่มีการระบุว่า ศาลได้นัดเรียกผู้เสียหายมาเป็นพยานในวันที่ 10 ตุลาคม 2566 นี้ เวลา 13.30 น.
ล่าสุดพยานได้เข้าพบกับ นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขา จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเตรียมเอกสารไปให้ปากคำ ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี วันที่ 10 ตุลาคมนี้ เวลา 13.30 น. หลังจากนายบุญญฤทธิ์ ที่ดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอแม่ริม หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม อ.แม่ริม (ในขณะนั้น) ได้รวบรวมพยานหลักฐาน เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายฌอน เมื่อปี 2563 ก่อนสำนวนทั้งหมดจะถูกส่งไปส่วนกลาง และศาลจังหวัดนนทบุรีสั่งฟ้องในที่สุด
นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขา จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ล่าสุดได้มีพยานที่อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ทยอยเข้าพบก่อนไปให้ปากคำที่ศาลจังหวัดนนทบุรี วันที่ 10 ตุลาคมนี้ เพื่อเตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆให้ครบถ้วน เพราะกรณีนี้มีหลักฐานชัดเจนจากการเปิดรับบริจาคเงินช่วยเหลือไฟป่าเชียงใหม่ เพราะมีจากการตรวจสอบบัญชีพบความผิดปกติชัดเจน มีการเอาเงินเข้าบัญชีส่วนตัวคนใกล้ชิดถึง 2 ครั้ง ครั้งละ 5 แสนบาท และมีการนำเงินโอนจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนตัวรายการอื่นเป็นระยะชัดเจน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถเอาผิดนายฌอนได้
สำหรับคดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 'ฌอน บูรณะหิรัญ' ได้โพสต์คลิปไปร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้กับ 'บิ๊กป้อม' พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยเนื้อหาคลิปบางช่วงบางตอน ฌอน ระบุว่า เมื่อกี้ได้เจอท่านประวิตร มันไม่เหมือนที่เราเห็นในรูปภาพที่อยู่ในมีมที่เขาหลับและภาพจะออกมาแบบดูร้ายหน่อย แต่พอได้เห็นตัวจริง เหมือนเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารัก ทำให้ผมนึกออกว่าสิ่งที่เราเห็นในสื่อ เขาก็มีเจตนาที่จะทำให้เราคิดอะไรบางอย่าง อย่าเพิ่งตัดสินใครจนกว่าเราได้เจอตัวเขาจริงๆ ได้คุยกับเขาและสัมผัสกับเขา
จากข้อความดังกล่าวทำให้ 'ฌอน' ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก และมีการตั้งข้อสงสัยกรณีเปิดรับเงินบริจาคดับไฟป่าเชียงใหม่ เนื่องจากทีมดับไฟป่าที่ลงพื้นที่แทบทุกจุดไม่เคยได้รับสิ่งของอะไรจากฌอนเลย และมีการขุดว่าในเดือนมีนาคม 2563 ฌอนได้เปิดรับเงินบริจาค ให้คนโอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง เพื่อจะนำเงินไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่ดับไฟป่า แต่เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าตัวจริงได้ออกมาตั้งคำถามว่า แล้วเงินบริจาคอยู่ไหน? ฌอนไม่เคยมีการเปิดเผยยอดบริจาค และไม่เคยได้รับสิ่งของจากฌอนเลย ต่อมาฌอนก็ออกมาชี้แจงแต่ยิ่งทำให้เรื่องบานปลาย เพราะเงิน 1 ใน 3 ของยอดบริจาค ถูกนำไปใช้เป็นค่าผลิตสื่อ รวมทั้งนำเงินไปช่วยผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งถูกมองว่าผิดวัตถุประสงค์ในการขอรับบริจาค
ต่อมาตัวแทนกลุ่มเจ้าหน้าที่อาสาสมัครดับไฟป่า ผู้นำชุมชนในพื้นที่ อ.แม่ริมได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอแม่ริม หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม อ.แม่ริม (ในขณะนั้น) ได้รวบรวมพยานหลักฐานการโอนเงินของชาวบ้านที่บริจาคเงิน นอกจากนี้ยังได้ทำหนังสือสอบถามไปยังธนาคารซึ่งฌอนเป็นเจ้าของบัญชี และได้ทำหนังสือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอข้อมูลว่าได้รับเงินบริจาคจากฌอนหรือไม่ ปรากฏว่าไม่ได้เงินบริจาคจากฌอนแต่อย่างใด
หลังจากนั้นมีผู้เข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมอำเภอแม่ริมให้ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย และจากการดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและการให้ถ้อยคำของผู้เกี่ยวข้อง ทั้งผู้เสียหาย, เจ้าหน้าที่และหน่วยงาน จนได้ข้อสรุปหลักฐานที่ค่อนข้างชัดเจน จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดี 3 ข้อหา ได้แก่ ความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์, พระราชบัญญัติการเรี่ยไร และฉ้อโกงประชาชน จนนำมาสู่การสั่งฟ้องในที่สุด
โดย วสันต์ ปัญญาเรือน จ.เชียงใหม่