อัปเดตดราม่า 'หวย 30 ล้าน' รมช.คลัง สั่งกองสลากฯตรวจสอบ ใครผิด ใครถูก

เปิดแชต-ไทม์ไลน์ดราม่า หวย 30 ล้าน รางวัลที่ 1 เลข 727202 จากกรณีที่สามีภรรยาใน จ.อุทัยธานี เข้าแจ้งความว่าได้สั่งซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือ ลอตเตอรี่ ชุด 5 ใบ หมายเลขดังกล่าวกับทางร้านที่ขายผ่านเพจเฟซบุ๊ก เลือกการจ่ายเงินแบบเก็บปลายทาง แต่ร้านไม่ได้ส่งสลากฯให้

ซึ่งต่อมาทางร้านได้มาชี้แจงว่า ติดต่อผู้ซื้อไม่ได้ โทรหาไม่มีใครรับสาย  เมื่อทางร้านติดต่อเบอร์ที่ให้ไม่ได้และสอบถามว่าเบอร์นี้ติดต่อได้หรือไม่ ผู้ซื้อเพียงแค่กดไลก์กลับมาเท่านั้น จึงเป็นเหตุให้ทางร้านไม่ได้ส่งตัวสลากฯ ชุดนั้นมาให้และได้ขายให้คนอื่นไปแล้วนั้น

เรื่องนี้ต้นเรื่องเริ่มจากวันที่ 23 ก.ย.2566 หนุ่มใหญ่วัย 60 ปี ได้ทักเข้าไปสอบถามที่เพจขายลอตเตอรี่ ว่ามีสลากฯ หมายเลข 727202 หรือไม่ ซึ่งเป็นสลากฯที่ถูกรางวัลที่ 1 ซึ่งเพจร้านได้ตอบกลับมาว่ามีชุด 5 ใบ ราคา 650 บาท โดยทางร้านระบุเพิ่มเติมว่า มีค่าจัดส่งรอบละ 50 บาท และทางร้านมีโปรโมชั่นซื้อ 4 ชุดขึ้นไปส่งฟรี ส่วนหากลูกค้าจะใช้บริการเก็บเงินปลายทาง จะมีค่าบริการเพิ่มชุดละ 20 บาท หากลูกค้ารับรวมยอดปลายทางอยู่ที่ 720 บาท ซึ่งร้านถามว่าจะรับหรือไม่ ซึ่งหนุ่มใหญ่ผู้ซื้อได้ตอบกลับมาว่า "รับครับเก็บเงินปลายทาง" ระบุที่อยู่เบอร์โทร

ต่อมา วันที่ 25 ก.ย.2566 หนุ่มใหญ่ ได้เข้าไปดูที่ช่องแชต และเห็นทางร้านส่งข้อความเมื่อ 23 ก.ย. เวลา 18.55 น. ถ่ายรูปลอตเตอรี่ชุด 5 ใบหมายเลขที่สั่งซื้อ พร้อมบอกว่า ยอดปลายทาง 720 และมีข้อความสอบถามว่า "เบอร์ที่ลูกค้าให้มาติดต่อได้ไหมครับ" ซึ่งเจ้าตัวก็ส่งไอค่อนรูปไลก์มาให้ และหนุ่มผู้นี้ก็ไม่ดูแชตอีก

กระทั่งถึงวันหวยออก 1 ต.ค.2566 ปรากฎว่า สลากฯหมายเลข 727202 เป็นสลากที่ถูกรางวัลที่ 1 และในช่วงเย็นวันหวยออก หนุ่มผู้นี้ได้ทักไปถามร้านว่าได้ส่งลอตเตอรี่มาให้ตนหรือไม่ ซึ่งทางร้านได้ตอบกลับมาว่า เบอร์ที่ลูกค้าแจ้งให้ทางร้าน ไม่สามารถติดต่อได้ สุดท้ายจึงตัดสิทธิการส่งสลากฯดังกล่าว ซึ่งทางร้านระบุเพิ่มเติมว่า บริการปลายทางของทางร้านจะต้องได้รับการโทรยืนยันจากทางร้านก่อน ฉะนั้นตอนที่โทรติดต่อลูกค้าไม่ได้ ลูกค้าไม่ได้ตอบกลับ ร้านจึงไม่ได้ส่งสลากฯให้

ซึ่งต่อมาสามีภรรยาได้โพสต์ข้อความตัดพ้อผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า "มันอยู่แค่เอื้อม แต่จะเอื้อมถึงไหมต้องรอติดตาม ช่วยสืบให้หน่อย ไม่ยอมส่งมาให้จ้า" และได้เดินทางเข้าแจ้งความที่สภ.ตลุกดู่ และได้ปรึกษากับทนายเพื่อขอสู้คดีกับเพจที่ขายลอตเตอรี่

เรื่องนี้ฝั่งของทางร้านก็ได้ออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กเช่นกัน ยืนยันว่าได้ขายให้คนอื่นไปแล้วและไม่ได้เก็บสลากฯไว้ลุ้นเอง โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

ทางร้านขออนุญาตชี้แจ้งลูกค้าทุกท่านเกี่ยวกับกระแสที่เป็นข่าวอยู่ตอนนี้

“ในวันที่ 23 ก.ย. 2566 ลูกค้าได้มีการสั่งซื้อเลข 727202 ชุด 5ใบ และใช้บริการเก็บเงินปลายทางจริง "โดยไม่ได้มีการโอนเงินใดๆทั้งสิ้น" ลูกค้าได้แจ้งที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์มา ทางร้านจึงถ่ายรูปสลากยืนยัน และโทรหาลูกค้าทันที 2 สายเพราะเป็นการซื้อขายครั้งแรก เพื่อยืนยันการซื้อ-ขาย แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้สอบถามลูกค้าว่า "เบอร์ที่ให้มาติดต่อได้ไหมครับ" แต่ไม่มีการตอบกลับอีกในวันนั้น 

หลังจากนั้นวันที่ 25 ลูกค้าส่งกดไลก์ส่งมา แต่ทางร้านไม่ได้ตอบลูกค้า "เพราะการกดไลก์อาจจะเผลอไปโดน ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่จะติดต่อสอบถาม และทางร้านต้องดูแลลูกค้าท่านอื่นๆที่ให้ความสนใจมากกว่า"

และในวันที่ 1 ต.ค. หลังประกาศผลสลากแล้วเวลา 18.42 น. ลูกค้าทักมาถามว่าได้ส่งลอตเตอรี่ให้ผมหรือเปล่า ผมจะได้ตาม

ปล.บริการเก็บเงินปลายทางในครั้งแรก ทางร้านต้องโทรติดต่อหาลูกค้าเพื่อยืนยันว่าลูกค้ามีตัวตนอยู่จริงทางร้านถึงจะจัดส่งให้เพราะของที่ส่งไปมีวันหมดอายุและจะสำเร็จเมื่อลูกค้าชำระเงินเสร็จแล้วเท่านั้น

ต้องขอโทษที่ทางร้านไม่ได้ยกเลิกการขายครับ  สลากรางวัลที่ 1 ถูกจำหน่ายไปแล้วทางร้านไม่ได้เก็บไว้ลุ้นเองครับ ขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่อุดหนุนกันเสมอมา

ความเห็นจากทนายดังเกี่ยวกับเรื่องนี้ 

ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ได้ออกมาโพสต์ถึงประเด็น "หวย 30 ล้าน" นี้สรุปควรเป็นของใครกันแน่ว่า "ผมว่า "หวย" เป็นของคนซื้อนะ เหตุผลก็ตามโพสก่อนๆการจ่ายเงินไม่ใช่สาระสำคัญเท่าการตกลงซื้อขายสมบูรณ์ จะอ้างการจ่ายแล้วยกเลิกไม่ได้เพราะไม่ได้ตกลงกันมาก่อน ร้านอย่าเนียน"

ทนายรณณรงค์ ยังบอกอีกว่า ต้องดูว่าเงื่อนไขของร้านเป็นอย่างไร ต้องโอนเงินก่อนถึงจะส่งมอบของให้ หรือเก็บเงินปลายทาง ถ้าโอนเงินก่อน ถือว่าคำเสนอสนองยังไม่ต้องตรงกัน กรรมสิทธิ์ ยังไม่โอน แต่ถ้าเป็นการเก็บเงินปลายทาง กรรมสิทธิ์ มองว่าการซื้อขายเสร็จสมบูรณ์แล้ว สามรถฟ้องให้ส่งมอบสลาก หรือเรียกร้องเงินได้ หรืออาจผิดยักยอกหวย หรือยักยอกเงิน

นอกจากนี้ยังบอกอีกว่า เป็นการซื้อขายทรัพย์เฉพาะสิ่ง เมื่อมีการนับ ชั่ง ตวง วัด หรือคัดเลือกแล้ว กรรมสิทธิ์ในหวยโอนมายังผู้ซื้อแล้ว เพียงแต่การชำระเงินเป็นคนละเรื่องกัน ถ้าคนซื้อไม่จ่ายเงินตามที่สั่ง ผู้ขายก็มีสิทธิ์ฟ้องเรียกค่าหวย เนื่องจากผิดสัญญาซื้อขาย หวยเกินราคาด้วย สรุป ผู้ซื้อมีสิทธิ์ดีกว่า

ซึ่งต้องตามกันต่อไปว่า บทสรุปหวย 30 ล้านนี้จะลงเอยอย่างไร ใครผิดใครถูก และสลากฯใบนี้ สิทธิ์จะเป็นของใครกันแน่ 

ขณะที่ ทนายเกิดผล แก้วเกิด ซึ่งเป็นผู้รับว่าความคดีนี้ ได้เปิดข้อกฎหมาย ระบุว่า ในการซื้อขาย เมื่อคำเสนอ และคำสนอง ถูกต้องตรงกัน สัญญาย่อมสมบูรณ์ กรรมสิทธิ์ย่อมเป็นของผู้ซื้อทันที

เมื่อกรรมสิทธิ์หรือลอตเตอรี่ เป็นของผู้ซื้อโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ผู้ขายที่ครอบครองไว้ ย่อมมีหน้าที่ต้องส่งมอบ ลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลให้กับผู้ซื้อ การที่ผู้ขายครอบครองลอตเตอรี่ไว้ แล้วเบียดบังเอาไปเป็นของตนเอง หรือบุคคลอื่น โดยทุจริต ย่อมมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์

มาตรา 352 ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คดีนี้ ถ้าไม่สามารถเจรจากันได้ มาตรการต่อไป คือดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญาให้ถึงที่สุด 

ทนายเกิดผลยังบอกอกว่า เรื่องหวย 30 ล้าน ผมมีข้อมูลและข้อเท็จจริงมากกว่าที่หลายท่านคาดเดาแต่ด้วยคดีนี้ ผมเป็นทนายความของฝ่ายผู้ซื้อ เป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง จึงแสดงความเห็นมากไม่ได้ครับ

เปิดแชต บทสนทนาระหว่าง ผู้ซื้อ กับ ร้านขายลอตเตอรี่

ขณะที่ล่าสุดวันนี้ (3 ต.ค.2566) นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้เผยถึงเรื่องดราม่า 'หวย 30 ล้าน' พร้อมได้สั่งการให้ทางกองสลากฯไปดูเรื่องนี้แล้ว ว่าข้อเท็จจริงและดูหลักฐานทั้งหมดเป็นอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ต้องสร้างความชัดเจนให้กับพี่น้องประชาชนและคนขายด้วย ทั้งในเรื่องของความรับผิดชอบและความเป็นเจ้าของ แต่ละเคสก็ต้องดูข้อเท็จจริงเป็นรายกรณีไป

เมื่อถามเรื่องการแก้กฎหมายเพื่อความชัดเจน นายกฤษฎา บอกว่า ตนได้สั่งการให้ไปดูแล้ว เขาคงดูทั้งหมด แต่ส่วนตัวคิดว่ายังไม่ถึงขั้นต้องแก้ไขกฎหมาย เป็นเรื่องของข้อเท็จจริงมากกว่า ก่อนจะย้ำว่าโดยหลักการหลักการขายสลากออนไลน์มันดีอยู่แล้ว เช่น แอปฯ เป๋าตัง ก็ถือว่าทำให้การขายหวยได้ในราคา 80 บาท อย่างไรก็ตามต้องดูในรายละเอียดอีกทีว่าจะต้องปรับปรุงอะไรหรือไม่ สิ่งสำคัญคือการสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับผู้บริโภค ส่วนกรณีที่จะมีการเอาผิดกับฝ่ายใดนั้นก็ต้องไปดูในรายละเอียดและข้อเท็จจริงแต่ละกรณีไป