ผู้ว่าฯกำแพงเพชร สั่งปิด 'สะพานศรีมงคลวชิรานุสรณ์' หลังตอม่อทรุดตัวหนัก

วันที่ 2 ตุลาคม 2566 นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าฯกำแพงเพชร พร้อมด้วยนายสดุดี พุทธัง นายอำเภอคลองขลุง , โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดฯ , นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น , เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ หลังสั่งปิด 'สะพานศรีมงคลวชิรานุสรณ์' อ.คลองขลุง ที่ทรุดตัว เส้นทางเชื่อมระหว่างหมู่ 5 บ้านแม่ลาด ต.แม่ลาด อ.คลองขลุง กับ บ้านวังแขม ต.วังแขม อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร เพื่อความปลอดภัย 

 

 

โดยก่อนหน้า 'สะพานชำรุด' เสียหาย ได้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันส่งผลให้มวลน้ำในแม่น้ำปิงมีจำนวนเพิ่มขึ้น และพัดเซาะตอม่อจนสะพานทรุดตัวหนักลงไปอีก ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชรจึงได้ออกคำสั่งห้ามประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนงดใช้เส้นทางสายดังกล่าว เนื่องจากสะพานมีสภาพที่ชำรุดและอาจเกิดอันตรายได้ทุกเวลา 

 

ซึ่งในขณะนี้ 'ระดับน้ำในแม่น้ำปิง' ไหลเชี่ยวแรงและมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหากฝนตกลงมาในพื้นที่ภาคเหนือระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอีก และอาจส่งผลให้สะพานทรุดพังลงได้ จึงมีคำสั่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์แจ้งให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและอันตรายในเขตพื้นที่ดังกล่าว โดยทางจังหวัดได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายและดำเนินการของบประมาณโดยด่วนแล้ว 

 

 

 

สะพานศรีมงคลวชิรานุสรณ์ (สะพานวังแขม) สร้างขึ้นเมื่อปี 2547 และเปิดใช้งานจนถึงปัจจุบัน รวม 19 ปี ในช่วงต้นปี 2566 ที่ผ่านมา ตอม่อของสะพานได้เกิดการทรุดตัวลง แต่ไม่มากนัก และทรุดตัวลงต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงตอม่อสะพานทรุดตัวลงอย่างหนักในช่วงเดือนพฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ประกอบกับปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงไหลเชี่ยวแรง มวลน้ำจากภาคเหนือไหลผ่าน จึงมีรอยแตกร้าวบริเวณด้านบนสะพานเพิ่มขึ้น และตอม่อด้านล่างทรุดอย่างชัดเจน ทางหลวงชนบทกำแพงเพชรได้นำแท่นปูนมาวางปิดการจราจรถาวร 

 

โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบเรื่องและอยู่ในระหว่างรองบประมาณการซ่อมแซม ปี 2567 จากกระทรวงคมนาคม ซึ่งเจ้าหน้าที่ทางหลวงชนบทกำแพงเพชร ได้แจ้งชาวบ้านและผู้นำท้องถิ่นว่าอยู่ในระหว่างรองบประมาณในปี 2567 ที่จะเตรียมซ่อมแชมให้กลับมาเปิดใช้งานได้เหมือนเดิม 

 

ขณะที่ชาวบ้านจำนวนมากที่ได้รับความเดือดร้อนจากการสัญจรไปมาทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำปิง ทั้งรถการเกษตรของชาวบ้าน รถขนส่งที่มีน้ำหนักสูงไม่สามารถข้ามไปมาได้ ต้องใช้เส้นทางอ้อมไปข้ามสะพานคลองขลุง และสะพานขาณุฯ ซึ่งไกลกว่า 20-30 กิโลเมตร ขณะที่ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนในพื้นที่ได้บอกว่าช่วงนี้เป็นช่วงสอบปลายภาคเรียน ก็จะลำบากในการสัญจร