เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เร่งช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล
เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเทลอาวีฟ ยืนยันเร่งช่วยแรงงานไทยในอิสราเอล ปัดแรงงานไทยถูกขายให้นายจ้างอื่น ยืนยันเป็นการเปลี่ยนงาน ประสานทางการขอให้พักฟื้นจิตใจก่อนทำงานต่อ ยอมรับการส่งร่างผู้เสียชีวิตกลับไทยต้องใช้เวลา
วันนี้ (10 ต.ค. 66) นางพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล แถลงความคืบหน้าการช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล จากสถานการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลางว่า สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ได้ขอจัดลำดับความเร่งด่วนในการให้ความช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบรุนแรงสูงสุดก่อน เนื่องจากมีแรงงานไทยหลายคน ประสงค์ขอเดินทางกลับจำนวนมาก จึงต้องให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเดินทางกลับก่อนพร้อมยืนยันว่า สถานเอกอัครราชทูตฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามทุกวิถีทาง ในการระดมสรรพากรกำลังติดตามและติดต่อกับแรงงานไทยในอิสราเอลทุกคน แต่เนื่องจากในอิสราเอลขณะนี้ อยู่ในภาวะสงคราม และแบ่งโซนพื้นที่
โดยเฉพาะพื้นที่ใกล้ฉนวนกาซา การช่วยเหลือแรงงานไทย รวมถึงชาวอิสราเอล และชนชาติอื่น ๆ ทางการอิสราเอลจึงจะช่วยเหลือไปทีโซน โดยสถานเอกอัครราชทูต ได้ประสานกับทางการอิสราเอลเป็นระยะ ๆ เมื่อทราบว่า มีคนไทยติดอยู่ในพื้นที่ใด ก็ขอให้ช่วยอพยพออกนอกพื้นที่ ซึ่งอิสราเอลพยายามให้ความช่วยเหลือตามโซนพื้นที่ จึงขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจข้อจำกัด
เอกอัครราชทูตไทย กรุงเทลอาวีฟ ยังกล่าวถึงกรณีที่แรงงานไทยในอิสราเอลร้องเรียนถูกขายให้กับนายจ้างอื่น หรือถูกบังคับให้ทำงานต่อทั้งที่เพิ่งหนีจากภัยสงครามว่า สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ประสานกับอิสราเอล เพื่อนำแรงงานออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย ดังนั้น จึงมีการนำแรงงานไปฝากไว้กับนายจ้างอื่นในพื้นที่ปลอดภัย เพื่อให้แรงงานได้ประกอบอาชีพต่อไม่ให้ขาดรายได้ และให้ถือว่า เป็นการย้ายงาน โดยยอมรับว่า เข้าใจถึงความรู้สึกของแรงงานไทย ที่เพิ่งหนีภัยสงครามมา จึงได้ขอความร่วมมือทางการอิสราเอลให้เวลาแรงงานไทย ได้พักฟื้นจิตใจก่อน
ส่วนการขนย้ายร่างผู้เสียชีวิตนั้น เอกอัครราชทูตไทย กรุงเทลอาวีฟฯ ชี้แจงว่า ขณะนี้ ทางการอิสราเอล ได้จัดลำดับความสำคัญ และเร่งช่วยเหลือผู้ที่มีชีวิต และติดในพื้นที่เสี่ยงภัยก่อน เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ทางการอิสราเอลส่วนใหญ่ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร การพิสูจน์ยืนยันผู้เสียชีวิต จึงยังไม่สามารถดำเนินการได้รวดเร็วนัก ซึ่งเหตุการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลเมื่อ 3 ปีก่อน ที่มีแรงงานไทยเสียชีวิตด้วย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตรวมน้อยกว่านี้นั้น ทางการอิสราเอล ก็ยังต้องใช้เวลาในการยืนยันตัวตน และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการบันทึกตัวตนเสียชีวิต เพื่อให้ได้รับเงินช่วยเหลือชดเชย ซึ่งมีหลายขั้นตอน ไม่ให้เกิดความผิดพลาด
ดังนั้น ในเหตุการณ์ครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตขณะนี้มากกว่า 500 คนทั่วอิสราเอลแล้ว จึงเชื่อว่า จะยังไม่สามารถนำร่างผู้เสียชีวิตกลับมาประเทศได้รวดเร็ว และเพื่อรักษาประโยชน์ของญาติผู้เสียชีวิต ที่ทางการอิสราเอล จะให้สิทธิประโยชน์กับผู้เสียชีวิตด้วย