ทลายแหล่งผลิตปืนเถื่อน กลางเมืองนครศรีฯ ส่งขายออนไลน์ พิษกราดยิงพารากอน
ผู้ว่าฯ พร้อมผู้การนครศรีธรรมราช ลุยตรวจค้นโรงงานผลิตลำกล้องอาวุธปืนแบงค์กันรายใหญ่ ส่งขายออนไลน์ทั่วทั่วประเทศ ได้ของกลางจำนวนมาก พิษกราดยิงพารากอน
เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 11 ต.ค. 2566 นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช หรือผู้การนครศรีธรรมราช กำลังตำรวจสืบสวน บช.ภ.8 และตำรวจ ตม. พร้อมอาวุธปืนครบมือ
สนธิกำลังนำหมายค้นศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เลขที่492/2566 ลงวันที่ 11 ต.ค. 2566 เข้าตรวจค้นบ้านเช่าในซอยสาย 3 หมู่บ้านการเคหะอ้อมค่าย 2 ม.5 ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เนื่องจากสืบทราบว่าเป็นแหล่งผลิตอาวุธปืนและลำกล้องปืนหลายชนิดส่งขายทางออนไลน์ของบริษัทชื่อดังต่าง ๆ หลายบริษัท
ปรากฏว่าเมื่อกำลังตำรวจชุดสืบสวนทั้งหมดเดินทางไปถึงพบว่าไม่มีใครอยู่ในบ้าน จึงบุกเข้าไปตรวจค้นตามหมายค้นของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปในบ้านถึงกับตะลึงเมื่อพบหลักฐานอุปกรณ์ผลิตอาวุธปืนและแท่นกลึงผลิตลำกล้องอาวุธปืนจำนวนมาก กระจายอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว โดยบริเวณหลังบ้านพบแท่นกลึงสำหรับผลิตลำกล้องอาวุธปืนชนิดต่างๆและลำกล้องอาวุธปืนวางอยู่จำนวนนับร้อยอัน
และในห้องพักห้องแรก ซึ่งดัดแปลงเป็นห้องเก็บเสียงอย่างดี สำหรับผลิตลำกล้องอาวุธปืนขนาดต่าง ๆ จนท.ตำรวจพบอาวุธปืนชนิดแบงค์กันจำนวน 3กระบอก ลำกล้องที่มีการตัดและดัดแปลงให้เข้ากับอาวุธแบงค์กันแล้วจำนวนมาก ที่กำลังเตรียมแพคส่งไปให้ลูกค้าทางออนไลน์ช่องทางต่าง ๆ และพบกระสุนปืนขนาด .38 จำนวนนับร้อยนัดในกล่องบรรจุกระสุนปืน และมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดหน้าบ้านและรอบบ้านจำนวน 5 ตัวด้วยกัน และพบเซฟเวอร์กล้องวงจรปิดสำหรับดูความคเคลื่อนไหวบริเวณหน้าบ้านและรอบบ้านด้วย
และอีกห้องใกล้กัน จนท.พบกล่องลังกระดาษสำหรับเตรียมส่งสินค้าให้กับลูกค้าทางขนส่งเอกชนต่าง ๆ วางอยู่เกลื่อนห้อง ซึ่ง จนท. ได้ตรวจเก็บหลักฐานทั้งหมดเพื่อตรวจสอบต่อไปแล้ว ซึ่ง จนท. ตำรวจพิสูจน์หลักฐานนครศรีธรรมราชได้มีการตรวจเก็บหลักฐานทั้งหมดเพื่อดำเนินการตรวจสอบหาตัวผู้เช่าบ้านหลังนี้ต่อไป
พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เผยว่าตำรวจชุดสืบสวนได้เฝ้าดูติดตามพฤติการณ์ของผู้ต้องสงสัยรายนี้มานานแล้วคือ นายวีระยุทธ หรือ บ่าว เคหะ อายุ 32ปี ซึ่งมีพฤติการณ์เรื่องยาเสพติดและอาวุธปืนเคยติดคุกมาแล้วในคดีดังกล่าว
โดยพบว่านายวีระยุทธหรือบ่าว เคหะ หลังจากพ้นโทษมาแล้วได้มาเช่าบ้านหลังดังกล่าวมานาน 2 ปี เพื่อผลิตลำกล้องอาวุธปืนที่ดัดแปลงใส่กับแบงค์กันเพื่อส่งขายให้กับลูกค้าทางออนไลน์
ซึ่งมีลูกค้าสั่งซื้อลำกล้องอาวุธปืนจากนายวีระยุทธ์จำนวนมากมานานแล้ว ซึ่งประวัตินายวีระยุทธ์หรือบ่าว เคหะ จบแค่ ม.3 เท่านั้นและไปเรียนที่วิทยาลัยเทคนิคแค่ 3 เดือนก็ออกจากโรงเรียน แต่ยังมีความสนใจในเรื่องผลิตอาวุธปืนจึงเรียนรู้ทางออนไลน์จนมีความรู้เชี่ยวชาญในการผลิตลำกล้องอาวุธปืนจนสามารถผลิตขายอย่างเป็นลำเป็นสัน
นายวีระยุทธ์หรือบ่าว เคหะจะใช้เวลาผลิตลำกล้องอาวุธปืนทั้งวันทั้งคืนจนทำให้ค่าไฟของบ้านเช่าสูงถึงเดือนละ 3-4,000 กว่าบาทุกเดือน จนหลังจากเกิดเหตุกราดยิงที่ห้างพารากอน ทำให้นายวีระยุทธ์หรือบ่าว เคหะ ไหวตัวทันชิงหลบหนีไปได้เสียก่อนที่ตำรวจจะเข้าตรวจค้น
ซึ่งทางตำรวจจะได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับนายวีระยุทธ์หรือบ่าว เคหะและจะได้ขยายผลเครือข่ายผลิตลำกล้องอาวุธปืนแก๊งนี้ต่อไป
ต่อมา นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผวจ.นครศรีธรรมราช ได้เข้ามาตรวจบ้านที่เกิดเหตุอย่างละเอียดพร้อมกับเผยว่าการปราบปรามโรงงานผลิตอาวุธปืนเป็นนโยบายของ รมว.มหาดไทย ซึ่งได้สั่งกำชับให้ตรวจค้นและจับกุมอย่างเข้มข้น ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ถือว่าเป็นการสนองนโยบายของ มท.1 และจะทำต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง รวมทั้งนโยบายการขอใบอนุญาตมีและพกพาอาวุธปืนตนจะไม่มีการเซ็นต์ใบอนุญาตให้ใครโดยเด็ดขาดเพื่อสนองนโยบายของรวม.มหาดไทยเต็มที่