ไม่รู้ชะตากรรม! หนุ่มเชียงรายถูกฮามาสจับตัว - แม่แรงงานไทยเสียชีวิตยังรอศพลูกกลับบ้านเกิด
ภัยสงคราม 'อิสราเอล-ฮามาส' หนุ่มเชียงรายถูก 'ฮามาส' จับตัวไป เมียสุดห่วงไม่รู้เป็นตายร้ายดีวอนรัฐบาลเร่งช่วยด่วน สุดเศร้า! พ่อแม่หนุ่มกาฬสินธุ์จุดธูปร่ำไห้หน้ารูปถ่าย ขอช่วยนำศพลูกกลับบ้านเกิด
ภัยสงคราม 'อิสราเอล-ฮามาส' ส่งผลกระทบต่อ 'แรงงานไทย' ใน 'อิสราเอล' โดยยอดล่าสุด (14 ต.ค.66) กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า มีคนไทยเสียชีวิต 24 ราย บาดเจ็บ 16 ราย ถูกจับเป็นตัวประกัน 16 ราย และมีผู้ประสงค์กลับไทยแล้วกว่า 7,000 คน และในวันพรุ่งนี้ (15 ต.ค.) เวลา 07.25 น. กลุ่มคนไทยในอิสราเอลอีกประมาณ 100 คน จะเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยที่สนามบินอู่ตะเภา จ.ระยอง
หนุ่มเชียงรายถูกกลุ่มฮามาสจับตัวไป ภรรยาวอนรัฐบาลเร่งช่วยด่วน
วันนี้ (14 ต.ค.66) น.ส.สุนทรี แซ่ลี อายุ 28 ปี ชาวบ้านกิ่วกาญจน์ ต.ริมโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า นายกง แซ่เล่า อายุ 26 ปี สามี ซึ่งไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลได้ประมาณ 1 ปี ได้หายตัวไประหว่างที่กลุ่มฮามาสนำกำลังบุกเข้าไปในที่พักคนงานไร่อะโวคาโด ล่าสุดเพื่อนร่วมงานที่ยังอยู่ที่ประเทศอิสราเอลแจ้งว่า นายกงได้ถูกกลุ่มฮามาสควบคุมตัวไปจากที่พักคนงานเมื่อวันที่ 7 ต.ค.66 ที่ผ่านมา โดยมีคลิปที่ถ่ายไว้ขณะถูกจับตัวไป
น.ส.สุนทรี ภรรยานายกง เปิดเผยว่า เพื่อนคนงานของนายกงได้แจ้งให้ทราบว่า นายกงได้ถูกกองกำลังฮามาสจับตัวไปในช่วงที่มีการสู้รบกัน และยังได้ส่งคลิปและภาพมาให้ตนดูด้วย จึงทำให้ตนรู้สึกเป็นห่วงสามีอย่างมาก จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยเหลือโดยด่วน เพราะเกรงว่าหากล่าช้าไปสามีตนอาจได้รับอันตรายถึงชีวิตได้
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 7 ต.ค.66 ซึ่งเป็นวันหยุดของสามีตน จึงได้ติดต่อกันทางออนไลน์โดยสามีแจ้งว่ามีการต่อสู้กันขึ้น โดยมีเสียงปืนและระเบิดดังต่อเนื่อง จากนั้นสามีตนก็ได้วางสายไป และตนก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย กระทั่งมีเพื่อนร่วมงานแจ้งข่าวมา
ทั้งนี้นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนางสุภาเพ็ญ ศิริมาตย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และเจ้าหน้าที่ ได้เดินทางมาให้กำลังใจและแจ้งสิทธิ์การช่วยเหลือต่างๆ
แทบขาดใจ! พ่อแม่แรงงานไทยในอิสราเอลจุดธูปหน้ารูปถ่าย ขอทุกภาคส่วนช่วยนำศพลูกชายกลับบ้านเกิด
วันที่ 14 ต.ค.66 นายวิรัช พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 พรรคเพื่อไทย พร้อมคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวพันธ์สะอาด ที่บ้านเลขที่ 127 หมู่ 3 บ้านหนองแวงใต้ 3 ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ โดยนำกระเช้าสุขภาพ และเงินทำบุญมอบให้นายกระบวน และนางหนูพา พันธ์สะอาด พ่อแม่ของนายสมควร พันธ์สะอาด อายุ 39 ปี หนึ่งในแรงงานไทยที่เสียชีวิตจากการถูกยิงจากเหตุการณ์สู้รบที่ประเทศอิสราเอล
ทั้งนี้ภายหลังจากพูดคุยให้กำลังใจและมอบเงินช่วยเหลือ นายวิรัช พร้อมด้วย นายกระบวน และนางหนูพา พ่อแม่ของนายสมควร ได้ทำการจุดธูปต่อหน้ารูปถ่ายของลูก พร้อมบอกกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ดวงวิญญาณไปสู่สุคติ และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำศพกลับมาบำเพ็ญกุศลบ้านเกิดในเร็ววัน ซึ่งระหว่างที่จุดธูปนางหนูพาได้ร้องไห้ออกมาและพูดกับรูปถ่ายของลูกชายว่า พ่อกับแม่และญาติรออยู่ ให้รีบกลับมา พ่อกับแม่รอใจจะขาดแล้ว
นางหนูพา อายุ 63 ปี แม่ของนายสมควร แรงงานไทยในอิสราเอลที่เสียชีวิต กล่าวว่า วันนี้เข้าสู่วันที่ 7 แล้วที่ต้องสูญเสียลูกชายที่เป็นเสาหลักของ 2 ครอบครัวไปอย่างไม่มีวันกลับ เพราะลูกชายเป็นคนกตัญญู รักครอบครัว นอกจากจะทำงานส่งเสียบุตรและภรรยาที่ จ.นครพนม แล้ว ก็ยังต้องดูแลพ่อแม่ด้วย ทั้งนี้ตนกับนายกระบวนยังอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ขอบคุณทุกกำลังใจ ทั้งส่วนราชการ ผู้นำชุมชน เพื่อนบ้านที่คอยแวะเวียนมาสอบถามมาให้กำลังใจตลอดวัน
'ตนกับสามียังรอคอยวันที่ทางรัฐบาลจะนำร่างลูกชายกลับมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณี เบื้องต้นทราบจากเพื่อนลูกชายที่ทำงานด้วยกันในประเทศอิสราเอลว่า ศพของลูกชายน่าจะมาถึงวันที่ 18 ต.ค.นี้ แต่ถึงวันนี้ก็ยังไม่แน่นอน หรืออาจจะรอเป็นเดือน ตนและสามีก็เฝ้าแต่จุดธูปวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยดลบันดาลให้ได้ร่างของลูกชายกลับมาในเร็ววัน ทั้งนี้เมื่อสูญเสียลูกชายไป สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือเรื่องหนี้สิน ซึ่งน่าจะไม่น้อยกว่า 200,000 บาท เนื่องจากลูกชายเพิ่งเดินทางไปทำงานที่อิสราเอลไม่ได้ถึงปี ทางครอบครัวก็อยากให้รัฐบาลเข้ามาให้ความช่วยเหลือด้วย เพราะทุกวันนี้จนใจไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาชดใช้'
หนุ่มนครพนมกลับไทยล็อตแรกเดินทางถึงบ้านเกิดแล้ว ครอบครัวผูกแขนรับขวัญตามประเพณี
บรรยากาศการต้อนรับคืนสู่มาตุภูมิของ นายคมสัน หรือ ท็อป อายุ 30 ปี ชาวบ้านดงต้อง ต.ดงขวาง อ.เมือง จ.นครพนม หนึ่งในแรงงานไทยที่ได้รับการช่วยเหลือมาจากประเทศอิสราเอล โดยไปทำงานเป็นเวลากว่า 4 ปี เหลือเวลาตามสัญญาจ้างไม่ถึง 1 ปี แต่ต้องยอมกลับมาเพื่อความปลอดภัย
โดยวันนี้ทางนายคำจันทร์ อายุ 65 ปี และนางแสน อายุ 65 ปี พ่อแม่ของนายนายคมสัน ได้ทำพิธีผูกแขนรับขวัญตามประเพณี โดยมีนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางสงวน จันทร์พร นายกเหล่ากาชาดฯ นายสมลักษ์ ยกน้อยวงษ์ ปลัดจังหวัดฯ นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ นายอำเภอเมืองนครพนม นางสาววรานิษฐ์ กีรติพงศ์เวคิน รักษาราชการแทนจัดหางานจังหวัดนครพนม นายนพพร มานะ แรงงานจังหวัดนครพนม นางสาวอาภา รัตนพิทักษ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม และหัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนผู้นำชุมชน ท้องถิ่น ร่วมต้อนรับและให้กำลังใจอย่างอบอุ่น
นายคมสัน หรือ ท๊อป เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า วันที่ 7 ต.ค.66 คือวันที่กลุ่มฮามาสเปิดฉากถล่มอิสราเอล ตนเห็นจรวดพุ่งข้ามหัวไปหลายลูก แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้ตกใจกลัวอะไรมาก มาอกสั่นขวัญแขวนตอนที่กลุ่มฮามาสบุกภาคพื้นดิน เพราะไม่เคยมีเช่นนี้มาก่อน พร้อมกับกราดยิงใส่แคมป์คนงานอย่างบ้าคลั่ง คนงานหลายคนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดไปคนละทิศละทาง บางคนวิ่งไปที่โล่งแจ้งกลุ่มฮามาสก็สาดกระสุนใส่ ตนเห็นเพื่อนคนงานไทยด้วยกันล้มลงต่อหน้าต่อตา ส่วนตนและเพื่อนอีกจำนวนหนึ่งหลบอยู่ในห้องพัก อัดกันอยู่หลายคน กลุ่มก่อการร้ายตีเนียนพูดเป็นภาษาไทยว่า 'ไทยแลนด์ๆ' หวังจะหลอกล่อให้คนไทยออกมาเพื่อฆ่าทิ้ง แต่สำเนียงมันต่างจากคนอิสราเอลจึงไม่มีใครหลงกล
ขณะหลบอยู่ในห้อง กลุ่มฮามาสได้สาดน้ำมันใส่ผนังห้องแล้วจุดไฟหวังจะเผาให้ตายทั้งเป็น ไฟเริ่มคุขึ้นรวมทั้งควัน กระจายเข้ามาในห้อง เวลานั้นคิดว่าคงไม่รอดแน่ ก่อนจะยกมือท่วมหัวระลึกถึงคุณพ่อแม่ พร้อมขอบารมีจากองค์พระธาตุพนมคุ้มครอง จึงตัดสินเปิดประตูห้องวิ่งฝ่าเปลวไฟออกมา อย่างน้อยถ้าถูกยิงอาจไม่ตาย แต่ถ้าอยู่ในห้องถูกย่างสดแน่นอน ปรากฏว่าไม่มีกลุ่มฮามาสอยู่บริเวณนั้นตนจึงรอดตายราวปาฏิหาริย์ จากนั้นก็หาที่ปลอดภัยหลบซ่อน จนสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือจากสถานฑูตไทย ให้เข้ามานำตัวออกจากสมรภูมิเลือดไปอยู่ยังศูนย์อพยพ และยื่นขอความจำนงขอกลับประเทศไทย โดยได้รับการประสานระหว่างรัฐบาลไทยกับอิสราเอล ใช้เวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมงทุกอย่างก็ลงตัว ต้องขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ตนจึงได้กลับสู่แผ่นดินแม่อย่างปลอดภัย
หนุ่มนครพนมเผยนาทีเฉียดตาย วิ่งฝ่าเปลวเพลิงหนีหลบกลางสวนจนรุ่งเช้า
วันนี้ 14 ต.ค.66 นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางสงวน จันทร์พร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม นายสมลักษ์ ยกน้อยวงษ์ ปลัดจังหวัดนครพนม นางสาววนิษฐ์ กีรติพงษ์เวคิน รักษาราชการแทนจัดหางานจังหวัดนครพนม นายนพพร มานะ แรงงานจังหวัด นางสาวอาภา รัตนพิทักษ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม ร่วมลงพื้นที่ให้กำลังใจ ผูกแขนรับขวัญแรงงานที่เดินทางกลับจากประเทศอิสราเอล ถึงบ้านเกิดสู่อ้อมกอดของครอบครัว ถือเป็นชุดแรกของจังหวัด จำนวน 2 ราย
โดยหนึ่งในนั้นก็คือ นายวีรพล หรือ กอล์ฟ อายุ 34 ปี ชาวบ้านดงต้อง หมู่ 8 ต.ดงขวาง ทั้งนี้ได้สอบถามข้อมูลสถานการณ์ในพื้นที่สู้รบ เพื่อประเมินสถานการณ์และถอดบทเรียนแนวทางการติดตามบุคคลที่ถูกควบคุมตัวหรือไม่สามารถติดต่อได้ นำมาเป็นข้อมูลให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ในการพิจารณามาตรการในการให้ความช่วยเหลือต่อไป
นายวีรพล เผยว่า อดีตตนเคยพนักงานโรงแรม พอประสบวิกฤติโควิดระบาดจึงตัดสินใจไปขายแรงงานที่อิสราเอล ซึ่งตนเดินทางไปทำงานที่ฟาร์มเกษตรได้เพียง 4 เดือน ผ่านกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ใช้เงินเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 130,000 บาท ใช้หนี้ไปได้เพียงแค่ครึ่งเดียวก็เกิดสงครามสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส
'ตอนนั้นต้องใช้สติให้มาก เมื่อออกจากเปลวเพลิงมาได้ก็ต้องคลานไปตามพื้นดิน เพื่อหลบกลุ่มฮามาสที่ยังวนเวียนอยู่บริเวณนั้น และต้องนอนคว่ำหน้านิ่งๆตั้งแต่หัวค่ำยันรุ่งเช้า แม้กระทั่งถูกยุงกัดทำได้แค่เอามือลูบๆ ไม่กล้าตบเดี๋ยวมีเสียงดัง แล้วกลุ่มฮามาสจะได้ยิน โดยเฉพาะโทรศัพท์ต้องปิดเครื่องกันหมด อยู่ท่ามกลางความมืด กระทั่งรุ่งเช้าสามารถติดต่อทางการอิสราเอลให้เข้ามาช่วยพาออกจากสวน'
นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า แรงงานที่เดินทางมาจากประเทศอิสราเอล ชุดแรกของจังหวัดมีจำนวน 3 ราย กลับถึงภูมิลำเนาเป็นที่เรียบร้อย 2 ราย คือ นายคมสัน คำต้อง และนายวีรพล หลบจันทร์ โดยทั้ง 2 คนไม่ได้รับบาดเจ็บทางร่างกายแต่อย่างใด สภาพจิตใจยังเข้มแข็งดี ครอบครัวมีความรู้สึกโล่งใจที่บุตรหลานกลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวได้อย่างปลอดภัย ส่วนอีก 1 ราย คือ นายชาตรี ชาศรี ที่ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณขา ขณะนี้ไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลบางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์และดูแลช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
ข่าวโดย ณัฐวัตร ลาพิงค์ จ.เชียงราย / พงศ์สุคนธ์ คุณธรรมมงคล จ.นครพนม