'ราชทัณฑ์' ยันไม่พบ 'ไข้หวัดใหญ่' ระบาดในเรือนจำ ชี้ยา-เวชภัณฑ์มีเพียงพอ
'ราชทัณฑ์' แจงไม่พบการแพร่ระบาดของ 'ไข้หวัดใหญ่' มีแพทย์เข้าตรวจประจำ ยาและเวชภัณฑ์เพียงพอ เผย 'เก็ท โสภณ' ผู้ต้องหา ม.112 หายป่วยแล้ว
วันที่ 20 ตุลาคม 2566 'กรมราชทัณฑ์' ได้ออกหนังสือชี้แจงระบุว่า จากกรณีมีสื่อสังคมออนไลน์ เผยแพร่ข้อความโดยสรุปได้ว่า นายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง หรือ เก็ท ผู้ต้องขังกระทำความผิดตามมาตรา 112 มีอาการป่วยและไม่ได้รับการดูแลรักษาจากทางเรือนจำฯ อีกทั้งไม่มีวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทำให้เกิดมีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ภายในเรือนจำ
กรมราชทัณฑ์ได้ตรวจสอบประเด็นดังกล่าวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร พบว่า เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 สถานพยาบาลเรือนจำได้รับแจ้งจากทางฝ่ายควบคุมแดน 4 ว่า นายโสภณมีอาการป่วย มีไข้ ไอ มีเสมหะ มีน้ำมูก ทางสถานพยาบาลเรือนจำฯ จึงได้ส่งพยาบาลเข้าไปตรวจ พร้อมได้จ่ายยารักษาตามอาการ และแนะนำการดูแลอาการเจ็บป่วยเบื้องต้น โดยทางเรือนจำจะมีพยาบาลเข้าตรวจติดตามอาการผู้ต้องขังป่วยภายในฝ่ายควบคุมแดนต่างๆ ทุกวัน และในวันนี้ นายโสภณสามารถใช้ชีวิตตามปกติภายในเรือนจำ หลังได้รับการรักษา และไม่มีอาการเจ็บป่วยแล้ว พร้อมยืนยันว่าปัจจุบันเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไม่พบการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่แต่อย่างใด
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กรมควบคุมโรคได้จัดสรรวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้กับ กรมราชทัณฑ์ ตามแผนการจัดสรรในโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ประจำปี พ.ศ.2566 จำนวน 43,000 โดส ในจำนวนนี้ มีวัคซีนสำหรับเรือนจำและทัณฑสถานในเขตกรุงเทพมหานคร รวม 7 แห่ง จำนวน 5,250 โดส ให้กับกลุ่มเป้าหมายตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุขเช่นเดียวกับภายนอก คือ ในกลุ่มผู้ต้องขัง 608 (กลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว) ที่มีความเปราะบาง
สำหรับกรณีผู้ต้องขังทั่วไปที่ประสงค์ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ อยู่ระหว่างดำเนินการขอสนับสนุนวัคซีนจาก กรมควบคุมโรคเพื่อให้บริการต่อไป
ซึ่งปัจจุบันภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร พบว่ามีผู้ต้องขังป่วยด้วยโรคไข้หวัดตามสภาพการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศอยู่บ้างและได้จัดเตรียมพื้นที่ไว้สำหรับการคัดแยกผู้ป่วย อีกทั้ง เรือนจำฯ มีแพทย์เฉพาะทางจากโรงพยาบาลแม่ข่ายเข้าตรวจภายในเรือนจำเป็นประจำ รวมถึงยารักษาโรค และเวชภัณฑ์ ที่ได้รับการสนับสนุนจากโรงพยาบาลแม่ข่ายอย่างเพียงพอ โดยกรมราชทัณฑ์ให้การดูแลรักษาสุขภาพของผู้ต้องขังทุกคน ที่พึงได้รับตามหลักสิทธิมนุษยชน หลักวิชาการและมาตรฐานวิชาชีพด้วยความเสมอภาค เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ