จับเพิ่ม คนซ้อนท้ายร่วมยิง นศ.เทคนิคดุสิตตาย แจ้ง 3 ข้อหาหนัก
ตำรวจจับเพิ่มอีก คนซ้อนท้าย ร่วมก่อเหตุยิงนักศึกษาเทคนิคดุสิต เสียชีวิต แจ้ง 3 ข้อหาหนัก เค้นสอบมูลเหตุจูงใจ คุม 2 ผู้ต้องหา ส่งตรวจบาดแผล จากคมมีดผู้เสียชีวิต แฟนสาวรุดเยี่ยม เผยเข้าในการกระทำ ชี้ทุกสถาบันมีความแย้ง
พ.ต.อ.ไตรภพ แพทย์รัตน์ ผู้กำกับการ สน.ดุสิต กทม. เปิดเผยความความคืบหน้ากรณี กลุ่มวัยรุ่น ที่ใช้อาวุธปืนยิง นายพงษ์ภีระ (สงวนนามสกุล) หรือ “น้องภู่” อายุ 16 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 วิทยาลัยเทคนิคดุสิต เสียชีวิต ภายในซอยระนอง 2 เมื่อ วันที่ 20 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
โดย พ.ต.อ.ไตรภพ ระบุ ว่า จากที่เมื่อวานนี้ ตำรวจจับกุมนายอัครพล (สงวนนามสกุล) หรือ ยีนส์ อายุ 22 ปี บุคคลตามหมายจับ ใน 5 ข้อหา คือ ร่วมกันฆ่าผู้อื่น,พยายามฆ่าผู้อืน, มีอาวุธ ปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,พาอาวุธปืน ติดตัวไปในตัวเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดย ไม่ได้รับอนุญาต,ยิง ปีนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชน และพาอาวุธ(อาวุธปืนและมีด)ไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร
โดยจับกุมตัวได้เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ซึ่งนายอัครพล เป็นคนที่ขับรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า NMAX สีเทา คันที่ใช่ในการก่อเหตุ
จากการสอบปากคำและการลงพื้นที่ ทำให้เมื่อคืนนี้ สามารถจับกุมนายธนากร (สงวนนามสกุล) หรือ อ๊อฟ อายุ 18 ปี ในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธ ปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,พาอาวุธปืน ติดตัวไปในตัวเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดย ไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้ นายธนากร คือ คนที่นั่งซ้อนท้ายจักรยานยนต์อีกคัน และเคยเป็นนักศึกษาเทคนิค ย่านจรัญสนิทวงศ์ โดยจับกุมได้ที่สถานที่สาธารณะแห่งหนึ่งในพื้นที่นครบาล ซึ่งตัวของนายธนากรคือคนที่ถูกผู้เสียชีวิตใช้อาวุธมีดแทงจนได้รับบาดเจ็บตามร่างกาย
เบื้องต้น การสอบสวนยังเป็นเรื่องพฤติการณ์ก่อเหตุ ผู้ต้องหายังไม่พูดถึงมูลเหตุจูงใจ ซึ่งจะต้องสอบปากคำเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้งในวันนี้ และอาจได้ตัวผู้ก่อเหตุครบทั้งหมด
สำหรับนายธนากร ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องอาการบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด ยังต้องรอผลตรวจก่อน เช่นเดียวกับนายอัครพล โดยในช่วงเช้า พนักงานสอบสวน จะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ไปทำการตรวจหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อมาประกอบสำนวนในคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้า ระหว่างที่ผู้กำกับการให้สัมภาษณ์ ตำรวจได้คุมตัวนายธนากร ออกจากห้องขัง ไปยังรถตำรวจเพื่อคุมตัวไปตรวจร่างกาย โดยสื่อมวลชนพยายามสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ถูกกันออกมา
นอกจากนี้ อาจารย์จากวิทยาลัยเทคนิคดุสิต นำเอกสารมายื่นให้ สน.ดุสิต พร้อมปฏิเสธตอบคำถามสื่อมวลชนว่าเป็นเอกสารอะไร รวมถึงคำถามที่ว่า รู้สึกโล่งใจหรือไม่ หลังจากที่ตำรวจจับ 2 ผู้ก่อเหตุได้แล้วโดยระบุเพียงว่า ไม่ขอให้ข้อมูลตรงนี้ ขอให้เป็นการทำงานของตำรวจ
รายงานข่าวจากชุดสืบสวน นายธนากร หรือ อ๊อฟ ผู้ต้องหารายที่ 2 ที่ถูกจับกุม ก่อนก่อเหตุ นายธนากร ได้นั่งซ้อนท้ายจักรยานยนต์ของนายโอม (ยังหลบหนีอยู่) มาด้วยกันกับนายยีนส์ มือยิง ผู้ต้องหารายแรกที่ถูกจับกุม ที่ขับขี่จักรยานยนต์มาเพียงคนเดียว จนมาถึงจุดเกิดเหตุได้เกิดการชุลมุน
นายธนากร ถูกอาวุธมีดจากฝ่ายผู้ตายแทงได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่นายยีนส์ ลงมือยิงผู้ตายแล้ว นายธนากร จึงขึ้นซ้อนจักรยานยนต์ของนายยีนส์หลบหนีออกไปจากที่เกิดเหตุ
ขณะที่น้องเอ อายุ 16 ปี เพื่อนสาวคนสนิทของนายธนากร (สงวนนามสกุล) หรือ อ๊อฟ ได้เดินทางมาเยี่ยมที่ สน. ดุสิต ก่อนจะเปิดใจกับสื่อมวลชนว่า ตนเองรู้ข่าวตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ เนื่องจากเห็นจากสื่อออนไลน์ และเห็นรูปพรรณสัณฐานก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นนายธนากร ตนก็พยายามติดต่อไป โดยพิมพ์ผ่านแชททาง facebook ไปว่า รู้เรื่องนะ ว่าเกิดอะไรขึ้น พร้อมกับพิมพ์ประโยคอื่นเพิ่มไปด้วย ซึ่งนายธนากรก็พยายามเปลี่ยนเรื่องคุย กระทั่งช่วงเย็นของวันจันทร์ ตนจึงพิมพ์ไปหาอีกครั้ง และนายธนากรตอบกลับมาในเช้าวันอังคารว่า จะมามอบตัว
เมื่อถามถึงว่ารู้สาเหตุที่เกิดขึ้นหรือไม่นั้น น้องเอ ตอบว่า พอทราบมาก่อนว่าเพื่อนร่วมสถาบันเดียวกับนายธนากร ถูกอาวุธมีดแทงเข้าบริเวณตับ จนอาการสาหัส เมื่อช่วงกันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งเธอคาดว่าเป็นฝีมือของกลุ่มของคู่อริ แต่ไม่ทราบว่าสถาบันไหน เพราะนายธนากร ไม่เคยเล่าให้ฟังถึงปัญหาความขัดแย้งกับกลุ่มอื่นๆ ซึ่ง ส่วนใหญ่ หากนายธนากรไม่อยู่กับเธอ ก็จะอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่ชื่อว่า นายอัครพล หรือ ยีนส์(ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม)
เมื่อถามว่าเป็นเรื่องของการแก้แค้นหรือไม่ น้องเอ ตอบว่า เข้าใจในสิ่งที่ทำ เพราะถ้าเพื่อนตัวเองถูกทำร้ายก็คงไม่ยอมเหมือนกัน ที่ผ่านมา นายธนากรปฏิบัติตัวดีกับเธอมาตลอด หากมีโอกาสได้พูดกับนายธนากรอีกครั้ง ก็อยากจะบอกว่า เธอจะรอจนกว่าพ้นโทษ
“มันเป็นปัญหากับทุกสถาบัน ไม่ใช่เฉพาะสถาบันนี้ ซึ่งเกิดขึ้นมานานแล้ว และคิดว่าปัญหานี้มันยากเกินจะแก้”