โจ๋ 13 ยกพวกปาระเบิดต่อหน้า ตร. ผู้การปากน้ำอึ้งสั่งรวบทันควันทั้ง 2 ฝ่าย
สมุทรปราการวุ่น ผู้การปากน้ำอึ้งพบเยาวชนอายุ 13 ยกพวกปาระเบิดใส่กันต่อหน้าตำรวจสายตรวจ ถูกรวบทันควันทั้งสองฝ่าย
ภาพวงจรปิดที่ปากซอยหน้าตลาดแห่งหนึ่งในอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ จับภาพได้ในขณะที่มีกลุ่มนักเรียน ม.ต้น สองฝ่ายพากันขับขี่รถจักรยานยนต์ตามกันมาถึงปากซอยที่เกิดเหตุ
ก่อนที่จะจอดรถประกบกันแล้ว เยาวชนอีกฝ่ายลงมากระชากคอเสื้อเพื่อจะลงมือทำร้ายร่างกายกัน แต่ปรากฏว่าเยาวชนอีกฝ่ายที่ถูกกระชากคอเสื้อ ควักระเบิดปิงปองปาลงพื้นกลางวงจนเกิดเสียงดังสนั่น
และควันดินปืนเกิดขึ้นจำนวนมาก ท่ามกลางสายตาของประชาชนในละแวกที่เกิดเหตุจำนวนมาก ขณะที่อีกส่วนพยามขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี แล้วไปตัดหน้ารถเก๋งสีขาวที่ขับมาทางตรงจนถูกชนท้ายล้มกลิ้งไปกับพื้นถนน หลังเกิดไม่ถึงนาที เจ้าหน้าที่สายตรวจของ สภ.บางปู ชุดปะฉะดะ ซึ่งเฝ้าระวังเหตุนักเรียนนักเลงในละแวกนั้นได้ช่วยกันจับกุมตัวกลุ่มวัยรุ่นทั้งสองฝ่าย รวม 7 คน
พบว่าทั้งหมดอายุระหว่าง 13-15 ปี เท่านั้น จึงนำตัวมายัง สภ.บางปู พร้อมกับของกลางมีดดาบขึ้นสนิมหนึ่งเล่มและประสานไปยังผู้ปกครองให้รับทราบเรื่องนี้ เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566
ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมาวันเดียวกัน พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.บางปู เข้าพูดคุยและสอบปากคำเบื้องต้นกับทางกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งสองฝ่าย
จากการสอบถามเบื้องต้น ด้านผู้การสมุทรปราการ ถึงกับตกใจ เมื่อทราบว่าทั้งสองฝ่ายมีอายุไม่ถึง 15 ปี ต่ำสุดคือ 13 ปี จึงมีการสอบถามถึงสาเหตุและแรงจูงใจในการก่อเหตุ ก่อนที่ผู้การปากน้ำท่านนี้ ถึงกับต้องยกตัวอย่างเปรียบเทียบการใช้ชีวิตของตนเองในช่วงวัยรุ่นที่ผ่านมา ว่าเลือกที่จะเดินแบบไหนจนสุดท้ายประสบความสำเร็จ พร้อมทั้งเตือนสติและผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากที่ไปก่อเหตุเช่นนี้
พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เปิดเผยหลังจากที่พูดคุยกับทั้งสองฝ่ายบอกว่า ถึงเป็นเรื่องใหญ่ที่ทางตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ภายใต้การดูแลของตนเองในฐานะผู้บังคับการ ได้นำเรื่องนักเรียนนักเลงตีกันขึ้นมาเป็นวาระสำคัญในระดับจังหวัดของจังหวัดสมุทรปราการ
โดยมีผ่านเวทีประชุมระดับจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธาน ในการหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะเช่นนี้ ซึ่งที่ผ่านมาอาจมุ่งเน้นไปยังสถานศึกษาในระดับอาชีวะ ในเรื่องแผนป้องกันเหตุ แต่ล่าสุดกลับมาพบว่ามีการขยายแนวคิดและอุดมการณ์ที่ผิดลงมายังนักเรียนม.ต้น
หลังจากนี้ ตนเองไม่ได้นิ่งนอนใจและนำเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อเพิ่มมาตรการรวมถึงประสานสถานศึกษาระดับมัธยมทุกแห่งให้วางมาตรการและหาแนวทางการระงับเหตุป้องกันเหตุ มุ่งเน้นดูแลให้อบรมให้ความรู้แก่กลุ่มเยาวชนเปาะปรางที่มีปัญหาทางครอบครัว
เนื่องจากสถิติที่ผ่านมา นั้นพบว่ากว่าร้อยละ 80 นั้นเกิดจากปัญหาทางครอบครัว ที่เด็กและเยาวชนขาดการอบรมสั่งสอนและขาดความอบอุ่นทางครอบครัว ทำให้ติดเพื่อนและถูกรุ่นพี่ปลูกฝังแนวคิดและอุดมการณ์ในทางที่ผิด ซึ่งหลังจากนี้จะต้องเพิ่มความเข็ม ไม่ว่าจะยกระดับชุดเคลื่อนที่เร็ว ปะฉะดะ รวมถึง การแฝงตัวของฝ่ายสืบสวนเข้าไปยังสถานศึกษาเพื่อหาการข่าวและดูแลเฝ้าระวังกลุ่มเป้าหมาย
ส่วนชนวนเหตุครั้งนี้จากการพูดคุยสอบถามทั้งสองฝ่ายก็มาจากเคยมีปัญหาทะเบาะวิวาทกันมาก่อน แล้วตามเอาคืนให้เพื่อนร่วมสถาบันกัน ส่วนระเบิดที่นำมาใช้ก่อเหตุ พบว่าเยาวชนอายุ 13 ปี ชั้นม.1 ยอมรับว่าเป็นคนที่ดัดแปลงทำขึ้นมาเอง ซึ่งอ้างว่าไว้ใช้เพื่อป้องกันตัว ส่วนการดำเนินคดีกับทั้งสองฝ่ายนั้น สั่งการให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ซึ่งจะถูกแจ้งข้อหา ทั้งพกพานำพาวัตถุระเบิด พกพานำพาอาวุธมีด รวมถึงข้อหาร่วมกันสมัครใจทะเลาะวิวาท จากนั้นให้จัดทำประวัติและส่งตัวให้ผู้ปกครองรับไปดูแลก่อนจะนัดมาดำเนินการตามขวบการของกฎหมาย