ฝนตกหนักภาคใต้ ธ.ค. 66 เตือน 63 อำเภอ น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก
สทนช. เกาะติดสถานการณ์ฝนตกหนักภาคใต้ เดือนธันวาคม 66 เตือน 63 อำเภอ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก
สภาพอากาศ ลมมรสุมพัดปกคลุมอ่าวไทย-ภาคใต้ ช่วงต้นเดือนธันวาคม 2566 ฝนตกหนักต่อเนื่อง เตือนพื้นที่เสี่ยง 63 อำเภอใน 10 จังหวัดภาคใต้ เฝ้าระวังอาจจะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมเครื่องมือ เครื่องจักร บุคลากร และวางแผนการระบายน้ำ
นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า กรมอุตุนิยม วิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ได้ติดตามสภาพอากาศพบมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้
ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ฝนตกหนักบางแห่งในพื้นที่ภาคใต้ ระหว่างวันที่ 3 ถึงวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ดังนั้นจึงได้ออกประกาศให้ประชาชนในพื้นที่ไดัรับทราบเพื่อเตรียมพร้อมรับมือ และแจ้งเตือนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังอาจจะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ 63 อำเภอ 10 จังหวัดภาคใต้
สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ทั้ง 63 อำเภอ 10 จังหวัดดังกล่าว ได้แก่
- จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บริเวณพื้นที่อำเภอทับสะแก บางสะพาน และบางสะพานน้อย
- จังหวัดชุมพรบริเวณพื้นที่อำเภอสวี ทุ่งตะโก หลังสวน และพะโต๊ะ
- จังหวัดสุราษฎร์ธานีบริเวณพื้นที่อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี พุนพิน เคียนซา พระแสง และดอนสัก
- จังหวัดตรัง บริเวณพื้นที่อำเภอเมืองตรัง ห้วยยอด และวังวิเศษ
- จังหวัดพัทลุง บริเวณพื้นที่อำเภอเมืองพัทลุงและควนขนุน
- จังหวัดนครศรีธรรมราชบริเวณพื้นที่อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ขนอม สิชล นบพิตำ ท่าศาลา พรหมคีรี ลานสกา พระพรหม ปากพนัง ร่อนพิบูลย์ เฉลิมพระเกียรติ เชียรใหญ่ ชะอวด และหัวไทร
- จังหวัดสงขลา บริเวณพื้นที่อำเภอเมืองสงขลา กระแสสินธุ์ ระโนด สทิงพระ สิงหนคร ควนเนียง หาดใหญ่ นาหม่อม และบางกล่ำ
- จังหวัดปัตตานี บริเวณพื้นที่อำเภอเมืองปัตตานี ปะนาเระ มายอ แม่ลาน ไม้แก่น ยะรัง ยะหริ่ง สายบุรี และหนองจิก
- จังหวัดยะลา บริเวณพื้นที่อำเภอเมืองยะลา เบตง และรามัน
- จังหวัดนราธิวาส บริเวณพื้นที่อำเภอเมืองนราธิวาส เจาะไอร้อง ตากใบ บาเจาะ ยี่งอ ระแงะ รือเสาะ จะแนะ สุคิริน สุไหงโก-ลก และสุไหงปาดี
นอกจากนี้ ยังให้เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ที่อยู่ในพื้นที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภูเก็ต กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้า อ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก ที่มีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ และส่งผลกระทบให้น้ำท่วมบริเวณด้านท้ายน้ำ
สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่โดยเฉพาะเขื่อนบางลาง จังหวัดยะลา ให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบบริเวณท้ายเขื่อนน้อยที่สุด รวมทั้งให้เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่ง บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของ คลองบางสะพาน คลองชุมพร แม่น้ำหลังสวน แม่น้ำตาปี คลองชะอวด คลองลำ คลองท่าแนะ แม่น้ำตรัง แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำปัตตานี แม่น้ำบางนรา แม่น้ำโก-ลก และคลองตันหยงมัสอีกด้วย
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง ตลอด 24ชั่วโมงโดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ ให้ดำเนินการติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำ และเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ
ตลอดจนวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ปรับการบริหารจัดการน้ำในแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก น้ำในลำน้ำ รวมถึงเขื่อนระบายน้ำและประตูระบายน้ำ ให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำและอิทธิพลของการขึ้น – ลง ของน้ำทะเล โดยการเร่งระบายและพร่องน้ำรองรับสถานการณ์ฝนที่คาดว่าจะตกหนัก
พร้อมทั้งเตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ ลอกท่อระบายน้ำ และบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที และที่สำคัญให้ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ แจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบเตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์