อัปเดต ตายเพิ่ม 16 ศพ บาดเจ็บ 33 'รถทัวร์สายใต้' เหยื่อไม่ได้เซอร์ไพรส์วันพ่อ

กรณี รถทัวร์สายใต้ สาย กทม.-นาทวี ตกถนนชนต้นไม้ เสียชีวิตทันที 14 ศพ บาดเจ็บ 35 ราย เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 5 ธันวาคม 2566 ร.ต.ท.อานนท์ โตตั้ง รองสารวัตรสอบสวน สภ.ห้วยยาง ได้รับแจ้งเหตุรถทัวร์โดยสารตกถนนพลิกคว่ำชนต้นไม้ ที่บริเวณถนนเพชรเกษม หลักกิโลเมตรที่ 331 -332 หมู่ที่ 7 ต.ห้วงยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ (ขาล่องใต้) ใกล้ทางเข้าอุทยานแห่งชาติหาดวนกร ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาได้รับทราบ 

จากนั้น จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมกำลังตำรวจ ร่วมกับ ฝ่ายปกครอง หน่วยกู้ชีพ รพ.ทับสะแก และ รพ.ประจวบคีรีขันธ์ หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างรุ่งเรืองธรรมสถาน และสว่างประจวบธรรมสถาน  

ที่เกิดเหตุ พบรถทัวร์ของบริษัทศรีสยามเดินรถจำกัด หมายเลขทะเบียน 14-3301 กทม.หมายเลขข้างรถ 9914-1 ม 4 ข กรุงเทพ-นาทวี ตกอยู่ริมถนนเพชรเกษม สภาพด้านหน้าชนติดอยู่กับต้นไม้พังยับผ่าออกเป็นสองซีก มีผู้โดยสารเสียชีวิตจำนวนหลายราย และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

โดยผู้บาดเจ็บติดอยู่ในรถ เจ้าหน้าที่พร้อมด้วย หน่วยกู้ชีพ กู้ภัย จึงได้ช่วยกันให้ความช่วยเหลือ ทยอยนำคนเจ็บออกมาจากรถ และรีบปฐมพยายาบาลเบื้องต้น นำส่ง รพ.ทับสะแก รพ.ประจวบคีรีขันธ์  

เบื้องต้นทราบว่า รถทัวร์คันดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่บนรถ 3 ราย รับผู้โดยสารจำนวน 46 คน จากสถานีขนส่งสายใต้ มุ่งหน้า อ.นาทวี จ.สงขลา แวะทานอาหารที่ร้านสุภาพชนสามร้อยยอด เดินทางต่อ ถึงหน้าทางเข้าอุทยานแห่งชาติหาดวนากร รถเกิดเสียหลักตกถนน และพุ่งชนอัดกับต้นไม้ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 14 ราย และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก 

ทั้งนี้ จากการสอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุ คนขับมีอาการวูบ จึงทำให้รถเสียหลักตกถนน และชนต้นไม้จนทำให้รถผ่า 2 ซีก และมีผู้เสียชีวิตดังกล่าว

ล่าสุด ตายเพิ่มเป็น 16 ศพ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 ธ.ค. 66 ทีมข่าวเนชั่นทีวีได้เดินทางลงพื้นที่ เพื่อทำการตรวจสอบอุบัติเหตุดังกล่าว โดยพบว่า ผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตทั้งหมด ได้ถูกลำเลียงไปยังโรงพยาบาลทัพสะแก และโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งในช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มีผู้บาดเจ็บที่มีอาการสาหัส เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย รวมมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 16 ศพ

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบการทำประกันอุบัติเหตุ เบื้องต้นทราบว่า ทางบริษัทฯรถทัวร์โดยสารแห่งนี้ ได้ทำประกันภัยเอาไว้กับบริษัทประกันภัยภาคบังคับ และภาคสมัครใจกับ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด โดยความคุ้มครองเบื้องต้น กรณีเสียชีวิต 1,100,000 บาทต่อคน กรณีได้รับความเสียหายต่อร่างกายและอนามัย ตาม พรบ. จะได้รับความคุ้มครอง 80,000 บาทต่อคน

ตั้งศูนย์อำนวยการอุบัติเหตุ รถทัวร์สายใต้ ทันที

นายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ภายหลังเกิดอุบัติเหตุ ทางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ตั้งศูนย์อำนวยการอุบัติเหตุขึ้นมาทันที เพื่ออำนวยความสะดวก และช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ โดยจะมี ป้องกันภัยจังหวัดเป็นหัวหน้าศูนย์ และโรงพยาบาลในพื้นที่ ทั้ง รพ.ประจวบ , รพ.ทัพสะแก , ตำรวจในพื้นที่ และอำเภอทัพสะแก คอยเชื่อมโยงข้อมูลกันโดยตลอด เพื่อให้ทางญาติของผู้ได้รับบาดเจ็บ และญาติผู้เสียชีวิต สามารถติดต่อ และรับข้อมูลได้จากส่วนนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านข้อมูลต่างๆ

สำหรับผู้เสียชีวิตขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ฯ กำลังทำการตรวจสอบอัตลักษณะ และทะเบียนราษฎร์ เพื่อยืนยันตัวตน ว่าผู้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเป็นใครบ้าง โดยเรื่องนี้ให้ทางอำเภอทัพสะแก เร่งสำรวจว่า ผู้เสียชีวิตเป็นใครบ้าง ซึ่งจะต้องตรวจสอบจากทะเบียนราษฎร์ สำหรับผู้บัตรเจ็บ โดยขณะนี้ผู้บาดเจ็บได้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทับสะแก จำนวน 5 ราย , พักรักษาอยู่ที่โรงบาลประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 16 ราย และแพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้านได้ 10 ราย โดยทางบริษัทรถทัวร์ และ บริษัทขนส่ง ได้อำเภอความสะดวกให้กับทางญาติ ผู้บาดเจ็บ และญาติผู้เสียชีวิต โดยทางบริษัทฯ ได้จัดเตรียม และอำนวยความสะดวกในการนำศพส่งกลับภูมิลำเนาให้ และจะมอบเงินในเบื้องต้นให้ จำนวน 5 พันบาท

นายคมกริช กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ทางบริษัทขนส่งศรีสยาม ยังได้ทำประกันภัยไว้กับ บริษัทวิริยะประกันภัย ภาคสมัครใจ ชั้น 3 เอาไว้อีกด้วย เบื้องต้นได้ข้อสรุปว่า ผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินเยี่ยวยาจากบริษัทประกันภัย รายละ 5 แสนบาท โดยวงเงินประกันที่ทำไว้ สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต ไม่เกิน 10 ล้านบาท

นอกจากนี้ ผู้เสียชีวิต ยังจะได้เงินจาก พรบ.ภาคบังคับ อีกรายละ 1 แสนบาท ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ ก็จะได้เงินค่าเยี่ยวยาตามค่างรักษาจริง รายละไม่เกิน 8 หมื่นบาท

เศร้า เหยื่อรถทัวร์สยอง พรากชีวิตว่าที่บัณฑิต ตั้งใจกลับบ้านเซอร์ไพรส์วันพ่อ 

จากโศกนาฎกรรมอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารกรุงเทพ-นาทวี เสียหลักพลิกคว่ำชนต้นไม้ ที่บริเวณถนนเพชรเกษม หลักกิโลเมตรที่ 331-332 หมู่ที่ 7 ต.ห้วงยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขาล่องใต้  ทำให้มีผู้เสียชีวิต 16 รายและบาดเจ็บ 33 ราย ในจำนวนผู้เสียชีวิตมีชาวบ้าน จ.พัทลุง ด้วย 2 ราย

รายแรกคือนายสมบูรณ์ เหล็มเนียม อายุ 63 ปี ชาวบ้านศาลาเม็ง พื้นที่ ม.3 คลองเฉลิม อ.กงหรา จ.พัทลุง โดยครอบครัวได้เดินทางไปรับศพและนำกลับมาประกอบทางศาสนาอิสลาม ที่บริเวณมัสยิส อามิลบาหุสลาม บ้านศาลาเม็ง  ท่ามกลางญาติพี่น้องเดินทางมาส่งวิญญาณครั้งสุดท้าย 

ส่วนรายที่สอง น.ส. ศุภรัตนา เหตุทอง อายุ 24 ปี หรือ น้องเฟิร์น นิสิตหลักสูตรการศึกษาบัณฑิตสาขาวิชาศิลปศึกษา คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ซึ่งครอบครัว ได้นำศพมาประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดบ้านเกิด วัดทุ่งลาน ต.ตำนาน อ.เมือง จ.พัทลุง ท่ามกลางความโศกเศร้า โดยพี่ชายเล่าสั้นๆว่า น้องสาวได้โทรบอกว่าจะกลับบ้านโดยรถทัวร์ ให้พี่ชายออกมารับในช่วง ตี4 ที่ สถานีขนส่งพัทลุง พร้อมกำชับห้ามบอกพ่อเพราะตั้งใจจะกลับมาเซอร์ไพรส์พ่อในวันพ่อแห่งชาติ แต่สุดท้ายน้องกลับมาไม่ถึงบ้าน ทั้งที่ปกติน้องจะเดินทางกลับบ้านในช่วงวันหยุดนั้นด้วยเครื่องบินตลอด 

 นางรัชนี เหตุทอง ผู้เป็นแม่ อายุ 53 ปี ยังอยู่ในการการโศกเศร้า โดยมีลูกชายและญาติคอยปลอบใจ จากการจากไปของน้องเฟิร์น โดยแม่ได้บอกว่า ลูกสาวกำลังจะเรียนจบในช่วงเดือนมีนาคม และเป็นความหวังของครอบครัวเพราะลูกตั้งใจเรียนศิลปะเพื่อเป็นครูแต่สุดท้ายลูกก็จากไปด้วยอุบัติเหตุทั้งๆที่ตั้งใจจะกลับมาหาพ่อในวันพ่อแห่งชาติ