สลด! เด็กชายน้ำยืน ลงเล่นน้ำถูกไฟดูดเสียชีวิต 4 ศพ

วานนี้ (11 ธ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.30 น. โลกโซเชียลแชร์เรื่องเศร้า 4 เยาวชนชายถูกไฟดูด จมน้ำเสียชีวิตพร้อมกัน ที่หนองน้ำสาธารณะหนองแวง โดยเหตุการณฺดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 12.30 น. 

ช่วงบ่ายวานนี้ (11 ธ.ค. 66) ร.ต.อ.ณพชยกรธ์  โชติเนตร รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.น้ำยืน ได้รับแจ้งศูนย์ 191 น้ำยืน ว่ามีเยาวชนจมน้ำสูญหาย 4 ราย เหตุเกิดภายในหนองน้ำสาธารณะหนองแวง ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี หลังรับแจ้งจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลน้ำยืนและกู้ชีพใกล้เคียงเข้าตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นหนองน้ำสาธารณะ ขนาดใหญ่ติดกับวัดหนองครก ตำบลโดมประดิษฐ์ มีกุฎิกลางน้ำ ซึ่งมีทางเดินทอดยาวออกไปยังตัวกุฎิ ด้านบนฝั่งพบชาวบ้านกว่าและพลเมืองดีช่วยกันงมร่างเยาวชนชายขึ้นมาจากน้ำและทำการปั้มหัวใจเพื่อทำการยื้อชีวิต เยาวชนชายทั้ง 4 คน แต่ก็ไม่เป็นผลทั้งหมดเสียชีวิตที่เกิดเหตุ ทราบชื่อ นายธนากร หรือบาส พิกุล  อายุ 15 ปี ด.ช.ณัฐพล หรือเฟรม อุดทายศรี อายุ 14 ปี ด.ช.สุพชัย หรือแฮ็ตแทค กระชา 12 ปี นายพงษ์พัฒ หรือแหล่ วินาโล อายุ 16 ปี ทั้งหมดถูกนำร่างตั้งบำเพ็ญกุศลพร้อมกันที่วัดหนองแวง ตำบลโดมประดิษฐ์
 

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่วัดหนองแวงพบชาวบ้านนำร่างทั้ง 4 คนมาตั้งอยู่บริเวณศาลาเอนกประสงค์เมรุวัดหนองแวง พร้อมทั้งตกแต่งเตรียมสถานที่ และอาหารเพื่อรับรองแขกที่จะมาร่วมแสดงความเสียใจ ท่ามกลางความโศกเศร้าของชาวชุมชนหนองแวงที่ใกล้เคียง

สอบถามนางสาวประภาพร หรือเนย ใจน้อยอายุ 15 ปี เพื่อนนายบาสเปิดเผยว่า ตนเองและผู้ตายเป็นเครือญาติกันเมื่อช่วงเช้าเวลาประมาณ 09.00 น. (11 ธ.ค.) ได้นัดกันออกไปทานข้าวมันไก่ในหมู่บ้านใกล้เคียงก่อนจะกลับมาเล่นน้ำที่หนองน้ำจุดเกิดเหตุ เมื่อมาถึง นายธนากร ด.ช.ณัฐพล ด.ช.สุพชัย ได้ลงไปเล่นน้ำกันก่อน โดยที่ตนเองและ ด.ช. พงษ์ศักดิ์  กระชา อายุ 15 ปี อยู่ด้านบนไม่ได้ลงไปเล่นน้ำด้วย 

จากนั้นทั้ง 3 คนได้ย้ายออกมาจากท่าน้ำที่ใช้ลอยกระทงขึ้นไปกระโดดบนสะพานที่เชื่อมไปยังกุฎิจากนั้นทั้ง 3 คนก็หายไปตนเองก็ไม่ได้เอะใจอะไรคิดว่าทั้งหมดเล่นซ่อนแอบกันผ่านไปกว่า 30 นาที ตนก็ไม่เห็นเพื่อนๆจึงได้โทรหาพ่อให้ปู่ออกมาตามทั้งหมดขึ้นจากน้ำ แต่ด้วยความไม่มั่นใจตนจึงได้กลับเข้าบ้านไปตามหาว่าทั้งหมดกลับมาบ้านหรือยัง แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นจึงได้กลับไปดูที่สระน้ำอีกครั้งพร้อมกับปู่ของนายบาส และนายพงษ์พัฒ หรือแหล่  

เมื่อปู่มาถึงก็พยายามเรียกแต่ก็ไม่มีใครตอบ ปู่จึงได้ลงน้ำไปตามเพราะคิดว่าทั้งหมดแกล้งตนไม่ยอมขึ้นมา แต่เมื่อปู่ลงไปกลับถูกไฟดูดจึงตะโกนบอกนายแหล่ ว่าอย่าลงมาไฟดูด แต่ไม่ทันนายแหล่กระโดดลงน้ำพร้อมกับร้องว่าบาสแล้จมหายไป ปู่ตั้งสติได้จึงรีบดีดตัวกลับขึ้นมาเอาตัดไฟที่ศาลาพักญาติภายในวัดก่อนจะตามชาวบ้านมาช่วย
 

ด้านนายใคร พิกุล อายุ 67 ปี ปู่ของธนากร เปิดเผยว่าตนเองได้รับโทรศัพท์จากพ่อของนางสาวประภาพร หรือเนยให้ออกมาตามหลานขึ้นจากน้ำเพราะ น้องเนย เรียกแล้วไม่ยอมขึ้น เมื่อตนไปถึงตนได้พยายามเรียกแต่ไม่มีใครตอบจึงได้ลงไปในน้ำเมื่อไปใกล้เสาของกุฎิตนรู้สึกชามือ แต่ยังไม่มาก เมื่อเดินลงไปอีกกลับถูกไฟดูดจมลงไปใต้น้ำเมื่อตั้งสติได้ตนได้กลั้นใจดีดตัวออกมาห่างจากเสาถึงพ้นจากไฟดูดแล้วขึ้นไปปลดเบรกเกอร์ตัดไฟ

ส่วน นายฉัตรชัย พิกุล อายุ 36 ปี อาของนายบาส เล่าว่าหลังทราบว่าหลานได้หายไปจึงได้ รีบมาช่วยค้นหาตอนนั้นยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นและไม่ทราบว่ามีไฟดูดเห็นเพื่อนบ้านช่วยกันค้นหาแล้วตนคิดว่าปลอดภัยจึงได้ลงไปค้นหาทันที จากการค้นหาไม่นานตนสามารถคว้าร่างของนายแหล่เป็นคนแรก และน้องเฟรม เป็นคนที่ 2 ทั้งคู่อยู่ใกล้กันไม่ห่างจากเสาของกฎิ 

ส่วนอีก 2 ร่าง ชาวบ้านสามารถนำขึ้นมาได้ภายหลัง ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์สลดครั้งนี้ตนคิดว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าที่รั่วลงไปตัวกุฎิ เพราะถ้าจมน้ำปกติไม่น่าจะเสียชีวิตพร้อมกันแบบนี้เด็กทุกคนเป็นคนว่ายน้ำแข็งทุกคน

อีกทั้ง นายศราวุธ จิตสง่า อายุ 23 ปี เป็นอีก 1 ผู้ที่นำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาเล่าว่าทั้งหมดเป็นญาติของตนเช่นกัน ก่อนเกิดเหตุตนเองตกปลากอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเห็นหลานๆ มาเล่นน้ำตามปกติ ตนเองก็เก็บเบ็ดกลับบ้านมารู้อีกครั้งลุงมาบอกว่าหลานตกน้ำจึงได้ออกไปดูพบว่ามีการน้ำร่างของหลานๆ ขึ้นมาปั้มหัวใจแล้ว 2 ร่าง เหลืออีก 2 ร่างในน้ำตนจึงได้ตัดสินใจกระโดดลงไปช่วยงมร่างของน้องแฮตแทค ได้มาเป็นร่างสุดท้าย

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าที่บริเวณกุฎิ มีการลากสายไฟจากศาลาพักญาติของวัดหนองครกมาที่กุฎิกลางน้ำซึ่งไม่มีพระจำวัดมานานแล้วสายไฟอาจจะขาดชำรุดทำไฟรั่วลงโครงเหล็ก ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์เวรได้มีการชันสูตรเบื้องต้นลงความเห็นว่าทั้งหมดเสียชีวิตจากการจมน้ำ

ส่วนจะมีไฟฟ้ารั่วหรือไม่จะทำหนังสือให้ทางเจ้าหน้าที่ไฟฟ้าเข้าตรวจสอบในวันเช้าวันนี้ (12 ธ.ค. 66) จากนั้นได้มอบร่างของทั้ง 4 คนให้ญาติบำเพ็ญกุศลที่วัดหนองแวงต่อไป