ตม. สกัดรถขนต่างด้าว เตรียมส่งเข้าเมืองเชียงใหม่ รวบ 34 คน
ตม. สกัดรถขนต่างด้าว เตรียมส่งเข้าเมืองเชียงใหม่ รวบ 34 คน คนขับเผยทำมา 3 ครั้ง ได้ค่าจ้างคนละ 6,000 บาท แจ้งข้อหา ร่วมกันซ่อนเร้น เพื่อให้คนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นการจับกุม
พ.ต.อ.สุรศักดิ์ เทียนทอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย พ.ต.อ.อานันท์จักร์ กรกนพวัชร์ ผกก.สภ.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย มอบหมายให้ พ.ต.ท.มนตรี อินเปรี๊ยว รอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย พ.ต.ต.ณัฐวุฒิ แก้วสืบ สว.สส.สภ.บ้านดู่ เจ้าหน้าที่ ตม.จว.เชียงราย ฯลฯ ควบคุมตัวนายสมพร (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี บุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียนอาศัยอยู่ ต.สันป่ายาง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ นายหนาน อายุ 46 ปี บุคคลไม่มีสัญชาติไทย อาศัยอยู่ ต.แม่ลูน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
และนายจายเล็ก อายุ 37 ปี บุคคลไม่มีสัญชาติไทย อาศํยอยู่ ต.วัดเกต อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดีในข้อหา "ร่วมกันซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม"
การดำเนินคดีมีขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ ตม.จว.เชียงราย ตรวจพบรถยนต์กระบะจำนวน 3 คัน ทุกคันเป็นยี่ห้อโตโยต้าป้ายทะเบียน จ.เชียงใหม่ แยกย้ายกันเข้าสู่พื้นที่ ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย เพื่อจะขนชาวต่างด้าวที่ซ่อนตัวอยู่ตรงจุดต่างๆ
จึงได้ร่วมกับ สภ.บ้านดู่ แบ่งกำลังออกไปตรวจสอบจำนวน 3 ชุด ชุดแรกไปที่บริเวณใกล้สุสานภายในหมู่บ้านใหม่ม่วงคำ หมู่ 15 ต.นางแล พบรถยนต์กระบะคันแรกมีนายสมพรเป็นคนขับเข้าไปรับชายหญิงรูปพรรณสันฐานไม่ใช่คนไทยจำนวน 10 คน แบ่งเป็นชาย 9 คนละหญิง 1 คน
เจ้าหน้าที่ชุดที่ 2 ได้สกัดรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าคันที่ 2 ได้บริเวณแยกป่ากุ๊ก ต.นางแล พบคนขับชื่อนายหนานและพบชาวเมียนมานั่งเบียดกันในกระบะอีก 11 คน แบ่งเป็นชาย 6 คนและหญิง 5 คน
และเจ้าหน้าที่ชุดสุดท้ายสกัดรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าบริเวณเส้นทางเลี่ยงเมืองฝั่งตะวันตก ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย พบมีนายจายเล็กเป็นคนขับที่กระบะหลังรถก็พบชาวเมียนมาอยู่จำนวน 11 คนแบ่งเป็นชาย 4 คนและหญิง 7 คน
สอบถามคนขับทั้ง 3 คน ให้การตรงกันว่าได้รับจ้างเป็นเงิน 6,000 บาท ให้พาชาวต่างด้าวทั้งหมดไปส่งที่ จ.เชียงใหม่ โดยเคยทำมาแล้ว 3 ครั้ง
เจ้าหน้าที่จึงนำคนขับและชาวเมียนมารวมจำนวน 34 คน พร้อมรถยนต์กระบะ 3 คันไปตรวจสอบที่ สภ.บ้านดู่ พบว่ามีชาวเมียนมาที่เดินทางเข้าเมืองผิดกฎหมายกับรถยนต์คันแรก 1 คน คันที่ 2 จำนวน 5 คันและคันสุดท้ายจำนวน 4 คนรวมทั้งหมดจำนววน 10 คน อายุ 18-35 ปี จึงแยกดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป