อันเนื่องมาจากเรื่อง "อุจจาระของปีศาจ"
ย้อนเวลาไปใกล้ 50 ปี รัฐมนตรีผู้มีหน้าที่ดูแลกิจการน้ำมันปิโตรเลียมของเวเนซุเอลาเปรียบน้ำมันว่าเป็นเสมือน “อุจจาระของปีศาจ” ซึ่งอาจสาปให้สังคมมนุษย์ประสบปัญหาสาหัสถึงขนาดล่มจม
การเปรียบอย่างนั้นเกิดขึ้นในช่วงที่เวเนซุเอลามีรายได้มหาศาล จากการขายน้ำมันหลังสงครามในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลกับเพื่อนบ้าน ส่งผลให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าแทบทันที เพื่อเตือนชาวเวเนซุเอลาว่าอย่าหลงระเริงไปกับรายได้นั้น เหตุการณ์ในเวลาต่อมายืนยันว่าคำเตือนนั้นเหมาะกับกาลสมัยมาถึงในปัจจุบัน
ในเบื้องแรก ชาวเวเนซุเอลาเองมองข้ามคำเตือนนั้นมานาน จึงใช้รายได้มหาศาลหมดไปกับการกินอยู่แบบสุรุ่ยสุร่ายและการลงทุนที่ไม่เหมาะสมกับสภาวะแวดล้อม เวเนซุเอลาประสบปัญหาสาหัสจนถึงกับล้มละลาย และตกอยู่ในภาวะเสมือนยิ่งพยายามพัฒนายิ่งล้าหลังและยากจน ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากอดอยากอย่างแพร่หลายอยู่ในขณะนี้
ไม่เฉพาะชาวเวเนซุเอลาเท่านั้นที่มองข้ามคำเตือนอันสำคัญยิ่ง ประชาชนในประเทศที่มีน้ำมันปริมาณมากก็มักมองข้าม หรือทำอะไรที่ไม่เหมาะสมกับภาวะแวดล้อมด้วย หลายประเทศจึงประสบปัญหาสาหัสคล้ายเวเนซุเอลาไม่ว่าจะเป็นลิเบีย ไนจีเรีย หรืออิรัก
บริบทที่นำไปสู่การกล่าวคำเตือนของรัฐมนตรีเวเนซุเอลา ตีความหมายได้ว่า เขามุ่งไปที่พฤติกรรมของชาวเวเนซุเอลาและประชาชนของประเทศที่มีน้ำมันปริมาณมากเป็นหลัก อย่างไรก็ดี อุจจาระของปีศาจมีพิษที่แสดงออกมาในรูปของการล่าทรัพยากรของประเทศมหาอำนาจด้วย
การล่านั้นแม้จะต่างกับการล่าอาณานิคมในอดีต แต่มีบทบาทสำคัญต่อการก่อความเสียหายร้ายแรงมากในลิเบียและอิรัก
เมืองไทยมีทรัพยากรพลังงานจากซากดึกดำบรรพ์ ในรูปของน้ำมันปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติที่สำรวจพบแล้วในระดับหนึ่ง ซึ่งไม่มากถึงในระดับของประเทศที่อ้างถึง
อย่างไรก็ดี พิษของความเป็นอุจจาระของปีศาจพอมีให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ เช่น มันสร้างปริศนาค้างคาใจให้แก่ชาวไทยจำนวนมาก สืบเนื่องจากการขายหุ้นของ ปตท. หมดภายในพริบตา ส่งผลให้ผู้จองไว้จำนวนมากซื้อไม่ได้และใครได้หุ้นราคาถูกจำนวนมากไปครอง
ปริศนานี้มีผลกระทบต่อด้านความเป็นธรรมและความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นเสมือนสนิมร้ายที่เกาะกินสังคมไทยอยู่ในปัจจุบัน อนึ่ง ก่อนถูกเปรียบว่าเป็นอุจจาระของปีศาจ น้ำมัน ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเป็นเสมือนแฝดสามจากซากดึกดำบรรพ์ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญในกระบวนการผลิตสินค้าและบริการ พร้อมกับการดำเนินชีวิตประจำวันของมนุษย์เรา
กระบวนการนั้นดำเนินมาเป็นเวลานาน ก่อนที่เราจะตระหนักว่าในการเผาผลาญเพื่อให้พลังงานแก่เรานั้น มันผลิตสารอันตรายออกมาด้วย “คาร์บอนไดออกไซด์” เป็นสารอันตรายหลัก เนื่องจากมันเป็นปัจจัยสำคัญของการทำให้อุณหภูมิบนผิวโลกโดยทั่วไปเพิ่มขึ้น
การเพิ่มขึ้นนั้นก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงมากหากเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับระดับก่อนการใช้ซากดึกดำบรรพ์อย่างแพร่หลายในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ชาวโลกจึงร่วมประชุมกันหามาตรการยับยั้งมาเกือบ 3 ทศวรรษ
การประชุมครั้งที่ 28 (COP 28) ระหว่าง 30 พ.ย.-12 ธ.ค. ณ เมืองดูไบ ไม่สามารถปิดตามกำหนดเวลา เนื่องจากมีประเทศจำนวนมากต้องการให้ตั้งเป้าหมายในการยุติการใช้อุจจาระของปีศาจและคู่แฝด แต่ฝ่ายผู้ผลิตรายใหญ่ๆ ไม่ยอมรวมทั้งดูไบ ผู้เป็นประธานในการประชุมด้วย
หลังประชุมต่อรองกันตลอดคืนวันที่ 12 ธ.ค. และในวันรุ่งขึ้น การประชุมจึงยุติโดยไม่มีข้อตกลงว่าจะให้ยุติการใช้พลังงานจากซากดึกดำบรรพ์ทั้งสาม หากจะทำเพียงการเรียกร้องให้ลดการใช้ในระบบพลังงานเท่านั้น หลังประธานแถลงปิดการประชุม
สื่อรายงานว่ากลุ่มประเทศที่เป็นเกาะ ซึ่งจะได้รับผลกระทบสูงมากที่สุดจากภาวะโลกร้อน ประท้วงว่า ประธานลักไก่เพราะตัวแทนของพวกเขาไม่ได้อยู่ในห้องประชุม เมื่อประธานประกาศว่าได้ข้อตกลงตามที่ปรากฏในเอกสารแถลงผลของการประชุม
ด้วยเหตุดังกล่าว ประเทศที่ไม่ต้องการยุติการใช้พลังงานจากซากดึกดำบรรพ์ทั้งสาม จะยังใช้ต่อไปได้โดยปราศจากเป้าหมายว่าเมื่อไรจะยุติ เรื่องนี้จึงจะเป็นประเด็นใหญ่ในการประชุมครั้งๆ ต่อไปในขณะที่โลกจะร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั่นหมายความว่า พิษของอุจจาระของปีศาจจะสาปชาวโลกต่อไปแบบไร้กำหนด.