'สมศักดิ์' สั่งเฝ้าระวังน้ำท่วมภาคใต้ 24 ชม. เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย
"สมศักดิ์ เทพสุทิน" ประชุมศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าฯ ย้ำเร่งช่วยเหลือ อพยพผู้ประสบอุทกภัย สั่งจับตาพื้นที่น้ำท่วม เดิมอาจได้รับผลกระทบเหตุฝนเพิ่ม 1-2 วันนี้ และน้ำทะเลหนุนสูง ชี้ช่วงปีใหม่ฝนลดลงเร่งระบายน้ำออกทะเลให้สถานการณ์กลับคืนสู่สภาพปกติ
วันนี้ (28 ธ.ค. 66) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมตรี เป็นประธานการประชุมศูนย์บริการจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้เพื่อรับฟังบรรยายสรุปภาพรวมสถานการณ์น้ำและพื้นที่ประสบอุทกภัย ณ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จังหวัดยะลา โดยมี ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) นายอำพล พงศ์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องสรุปรายงานสถานการณ์การบริหารจัดการน้ำ การให้ความช่วยเหลือประชาชน ก่อนเดินทางไปพบปะประชาชนให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัยและมอบถุงยังชีพและน้ำดื่ม ที่บ้านจางา ตำบลปะกาฮะรัง อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ซึ่งมีประชากรที่อาศัยกว่า 150 ครัวเรือน ที่ยังคงได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย และตรวจเยี่ยมรถโมบายติดตามสถานการณ์น้ำ ณ บริเวณหน้าเทศบาลเมืองปัตตานี ตามลำดับ
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความห่วงใยต่อสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดขึ้นจากอิทธิพลของพายุ “เจอราวัต” และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ตลอดจนหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณทะเลอันดามันตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนัก โดยได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที พร้อมทั้งทําการฟื้นฟู เยียวยาและเร่งแก้ไขปัญหาในจุดต่างๆ ให้กลับคืนสู่สภาพเดิมโดยเร็ว โดยได้มอบหมายให้ สทนช. บูรณาการร่วมกับกรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ พร้อมทั้งให้กรมประชาสัมพันธ์ ศอ.บต. และจังหวัด ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดและเร่งสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ตามช่องทางต่างๆ โดยให้มีการสื่อสารข้อมูลเป็นภาษายาวีด้วย นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำให้ ศอ.บต. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และจังหวัด เร่งช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้เร็วที่สุด ตลอดจนฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว
ด้าน ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า รองนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานราชการดำเนินงานตาม 12 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2566 อย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินการทั้งหมดให้ สทนช. รับทราบอย่างต่อเนื่องและเป็นปัจจุบัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ โดยได้กำชับให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อแจ้งเตือนและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่อง เนื่องจากจะมีฝนตกลงมาเพิ่มในช่วง 1-2 วันนี้ (28 – 29 ธ.ค. 66) ประกอบกับปริมาณน้ำที่ท่วมขังเดิมในหลายพื้นที่และน้ำทะเลหนุนสูง ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังจากนี้ฝนจะมีแนวโน้มฝนตกลดลงในช่วง 1- 8 ม.ค. 67 รวมถึงไม่มีสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง ซึ่งจะเป็นจังหวะที่ดีในการเร่งระบายน้ำให้ทุกพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วต่อไป
“ขณะนี้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงยังพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณทะเลอันดามันตอนล่าง ทำให้ฝนยังตกหนักถึงมากในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างและบางพื้นที่ในจังหวัดสงขลา ในช่วง 1-2 วันนี้ (28-29 ธ.ค. 66) โดยเฉพาะในพื้นที่จ.นราธิวาส ยังคงต้องระวังปริมาณน้ำฝนในเขตพื้นที่ต้นน้ำสุคีรินและอำเภอแว้ง ส่วนในพื้นที่ จ.ยะลา อาจมีฝนเล็กน้อยถึงปานกลางสำหรับพื้นที่เหนือเขื่อนบางลางและพื้นที่ตอนล่างในเขตอำเภอเมืองยะลา กรงปินัง บันนังสตา และในพื้นที่ จ.ปัตตานี ยังคงมีฝนบริเวณชายฝั่ง ทั้งนี้หลังจากปีใหม่ 2567 สถานการณ์ฝนในพืื้นที่จะเริ่มคลี่คลายลง”ดร.สุรสีห์ กล่าว
สำหรับพื้นที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมใน 5 จังหวัด ได้แก่ จ.สตูล 1 อำเภอ จ.สงขลา 2 อำเภอ จ.ปัตตานี 4 อำเภอ จ.ยะลา 6 อำเภอ และ จ.นราธิวาส 11 อำเภอ กรมชลประทานได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 88 เครื่อง Hydro Flow 24 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 29 เครื่อง เครื่องสูบน้ำด้วยไฟฟ้า 1 เครื่อง พร้อมทั้งออกหนังสือแจ้งเตือนประชาชนให้เตรียมรับสถานการณ์น้ำล้นตลิ่ง นอกจากนี้ ปภ.ได้จัดกำลังพลให้ความช่วยเหลือในพื้นที่อุทกภัย พร้อมด้วยเครื่องจักรกลสาธารณภัย เครื่องสูบน้ำ เรือท้องแบน รถเครื่องย้ายผู้ประสบอุทกภัย เสื้อชูชีพ รถประกอบอาหาร และรถผลิตน้ำดื่ม ในขณะที่กระทรวงกลาโหม ได้จัดกำลังพลชุดบรรเทาสาธารณภัยให้การให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย รวมทั้งกรมประชาสัมพันธ์ ได้ประชาสัมพันธ์สถานการณ์ฝนตกหนัก พร้อมแจ้งเตือนให้ประชาชนเตรียมรับสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งและเตรียมขนของขึ้นที่สูงแล้ว
ส่วนสถานการณ์น้ำในเขื่อนบางลาง จ.ยะลา ซึ่งเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างเพียงแห่งเดียว ล่าสุด (27 ธ.ค. 66) มีปริมาณน้ำ 1,242.45 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็น 85.4% ของปริมาณการกักเก็บ และยังสามารถรองรับน้ำได้อีกประมาณ 221.91 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งได้มีการปรับการระบายน้ำให้เหมาะสม เพื่อลดปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ท้ายเขื่อน ส่วนกรณีที่มีภาพการทรุดตัวของเขื่อนบางลางนั้น ไม่เป็นความจริง เป็นเพียงภาพการทรุดตัวของถนนบริเวณท้ายน้ำ Spillway มิใช่ภาพการทรุดตัวของสันเขื่อนบางลางและ Spillway ขณะนี้ได้มีการปิดเส้นทางดังกล่าวแล้ว ขอยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของเขื่อนบางลางแต่อย่างใด