ร้านค้าไข่ไก่ขายปลีกในเชียงใหม่ วอนรัฐบาลคุมราคาด่วน หวั่นกระทบหลายด้าน

หลังจากที่ เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ 4 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แปดริ้ว จำกัด , สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่เชียงใหม่-ลำพูน จำกัด , สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ลุ่มแม่น้ำน้อย จำกัด และ สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี จำกัด ได้ออกประกาศราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มเกษตรกร เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 อยู่ที่ฟองละ 3.80 บาท ทั้งนี้จากการปรับราคาในครั้งนี้จะทำให้ราคาไข่ไก่ ปรับขึ้นแผงละ 9 บาท หรือ ฟองละ 30 สตางค์ ทั้งขายปลีกและขายส่ง

 

 

และยังมีการปรับราคาลงอีกครั้ง ในวันที่ 15 มกราคม 2567 เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่มีความพร้อม ทำให้ราคาไข่ไก่ปรับไปแล้วสะดุด ซึ่งปัจจุบันราคาแนะนำไข่ไก่คละหน้าฟาร์มเกษตรกร อยู่ที่ฟองละ 3.60 บาท จากราคา 3.80 บาท/ฟอง จากการปรับราคาในครั้งนี้จะทำให้ราคาไข่ไก่ปรับลงแผงละ 6 บาท

 

จากการลงพื้นที่สำรวจตามชุมชนในจังหวัดเชียงใหม่ พบว่า ร้านค้าไข่ไก่ขายปลีกตามชุมชนเองยังไม่มีการขยับราคาขึ้น ตั้งแต่มีประกาศวันที่ 11 มกราคม 2567 และแก้ไขปรับราคาลงอีกครั้งในวันที่ 15 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา เพราะยังไม่ได้รับการแจ้งมาจากทางหน้าฟาร์มว่าจะมีการปรับราคา และส่วนใหญ่ยังเป็นไข่ไก่ที่รับมาในราคาเดิมอยู่และยังจำหน่ายไม่หมด

 

 

แม่ค้าร้านขายไข่ไก่ในตลาดชุมชนสันผีเสื้อ อ.เมืองเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังไม่ทราบข่าวแน่ชัดเรื่องการปรับราคาขึ้นแผงละเท่าไหร่ แม้ก่อนหน้านี้เมื่อปลายปี 2566 จะมีการปรับราคาขึ้นสูง และเริ่มลดลงมาอยู่ในราคาปกติ แต่จากการติดตามข่าวสารว่ามีการปรับราคาขึ้นแผงละ 3 บาท และอาจไปถึงราคาแผงละ 9 บาทนั้น ตนยังไม่ได้รับแจ้งจากทางหน้าฟาร์ม ยังคงจำหน่ายในราคาเดิมอยู่ เบอร์ 0 จำหน่าย 10 ฟอง 55 บาท , เบอร์ 1 ราคา 50 บาท , เบอร์ 2 ราคา 48 บาท และเบอร์ 3 ราคา 45 บาท

 

ด้าน นางอริดา ทัชพล เจ้าของร้านค้าปลีกในตัวเมืองเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ฟาร์มที่ตนรับไข่มาขายยังไม่ได้แจ้งมาล่วงหน้าว่าจะมีการปรับราคา ยังคงจำหน่ายในราคาเดิม โดยไข่ไก่เบอร์ 0 จำหน่ายแผงละ 128 บาท , เบอร์ 1 แผงละ 123 บาท , เบอร์ 2 แผงละ 118 บาท , เบอร์ 3 แผงละ 115 บาท , เบอร์ 4 แผงละ108 บาท และเบอร์ 5 แผงละ 98 บาท ส่วนตัวมองว่าหากปรับขึ้นไปถึง 9 บาทต่อแผง ตนเชื่อว่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนักทั้งคนขายเองและประชาชนผู้บริโภค เพราะจะปรับตัวไม่ทันอาจจะลดการบริโภคไข่ไก่ลงชั่วขณะ แต่ตอนนี้หากจะปรับราคาขึ้นจริง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงพานิชย์ และปศุสัตว์เองต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาไม่ให้ราคาขยับแบบก้าวกระโดดเกินไป เพราะผลกระทบจะตกมาอยู่ที่ประชาชน ซึ่งในปัจจุบันนี้ค่าครองชีพก็สูงอยู่แล้ว