'ศรีสุวรรณ' ปิดบ้านเงียบ หลังได้ประกันคดีเรียกรับเงินอธิบดีกรมการข้าว

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ตำรวจ บก.ปปป. เจ้าหน้าที่ ปปท. บุกบ้านจับกุม นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน นักเคลื่อนไหวและนักร้องคนดัง ได้พร้อมเงินสด 500,000 บาท และนำตัวไปสอบสวนก่อนแจ้งข้อหา สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐเรียกรับทรัพย์หรือประโยชน์อื่นใด โดยมิชอบ, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือไม่กระทำการใดฯ ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยนายศรีสุวรรณให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ก่อนยื่นเงินสด 400,000 บาท ขอประกันตัวไปในที่สุด

 

 

ล่าสุดบ่ายวันนี้ (27 มกราคม 2567) ที่หน้าบ้านเลขที่ 51119-121 ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นบ้านของนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน นักเคลื่อนไหวและนักร้องคนดัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้บ้านถูกปิดเงียบ หลังได้ประกันตัวจากกรณีข่มขู่เรียกรับเงินจากนายณัฏฐกิตติ์ อธิบดีกรมการข้าว 3 ล้านบาท ก่อนเจรจาต่อรองเหลือ 1.5 ล้านบาท แลกกับการยุติเรื่องร้องเรียนโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการปลูกข้าว และโครงการปรับปรุงการผลิตสำหรับผู้ปลูกข้าว โดยอ้างว่าพบข้อพิรุธที่ส่อไปในทางทุจริต

 

ขณะเดียวกันได้มีชายสูงวัยขับรถเก๋งมาจอด แล้วถือเอาต้นไม้ที่ใส่ถุงไปแขวนไว้ที่ประตูบ้าน พร้อมเขียนข้อความว่า 'เรียนพี่ศรีที่เคารพ ผมปุxและน้องแป้xขอให้กำลังใจพี่ศรี น้องแป้xกลับไปอเมริกาแล้ว จึงได้แต่ฝากมาให้กำลังใจครับ ต้นพูเสือด่างที่เคยบอกพี่ไว้นะครับ'

 

จากการสอบถามชายคนดังกล่าว เผยว่า ตนแค่อยากมาให้กำลังพี่ศรี เพราะรู้จักกันและเอาของมาฝาก รู้สึกเฉย ๆ ที่มีข่าวไป แต่ผมไม่เชื่อ วันนี้เลยมาให้กำลังใจ ก็ดู ๆ กันไป แต่ติดต่อไม่ได้ วันนี้มาให้กำลังใจในฐานะคนรู้จักกัน

 

 

ทั้งนี้ นายศรีสุวรรณ ได้ให้สัมภาษณ์หลังได้รับการประกันตัว โดยยืนยันว่าไม่ได้มีการเรียกรับเงินจากอธิบดีกรมการข้าว ส่วนที่โยนเงินจำนวน 500,000 บาททิ้งข้างบ้าน เนื่องมาจากตนเห็นว่ามีใครก็ไม่รู้นำเงินมาแขวนไว้ ภรรยาตนซึ่งไม่รู้เรื่องได้นำเงินดังกล่าวมาให้ตนดู เมื่อเห็นว่าไม่ใช่เงินของตัวเองและเข้าข่ายน่าสงสัยจึงนำไปทิ้งเพื่อปัดให้พ้นตัวไปก่อน

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่ารู้สึกตกใจ แต่ก็ไม่ทำให้เสียขวัญและยังมีกำลังใจดีอยู่ การที่ตนถูกดำเนินคดีครั้งนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดา การทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตก็เหมือนการเดินฝ่าฝน ต้องเปียกเป็นธรรมดา แน่นอนว่าต้องมีไปเหยียบตาปลาผู้มีอำนาจ โดยคดีในวันนี้เชื่อว่ามาจากผู้ที่เสียผลประโยชน์ หนึ่งในนั้นคือผู้เสียหายในคดีนี้ ที่ตนกำลังได้แจ้งสื่อมวลชนว่ากำลังตรวจสอบอย่างเข้มข้น ทำให้เจ้าตัวอาจเกิดความหวาดวิตกพยายามหาหนทางที่จะล้มตนให้ได้ ซึ่งยืนยันว่าตนมีข้อมูลพยานหลักฐานทุกอย่างที่จะสามารถยืนยันหักล้างทุกอย่างในคดีได้