จับ 5 แก๊งปล้นร้านทอง ผงะเด็ก 15 ร่วมทีม กองปราบลุย
ไล่ล่าจับ 5 แก๊งปล้นร้านทอง ผงะเด็ก 15 ร่วมทีม เล็งเลือกห้างดัง กองปราบลุย ตระเวนขายทองตั้งแต่ภาคใต้จนถึงกรุงเทพ
กรณี จับ 5 แก๊งปล้นร้านทอง ล่าสุดตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันจับกุมนายสรายุทธ ในความผิดฐาน ร่วมกันปล้นทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วย โดยมีและใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวก เพื่อการกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม
พร้อมตรวจยึดของกลาง
1. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง Galaxy A7 (ได้ใช้ในการติดต่อเพื่อร่วมการกระทำความผิด)
2. บัตร ATM ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ผูกกับบัญชี นายสรายุทธฯ (ได้ใช้ฝากเงินสดที่ได้จากการนำทองคำไปขาย)
สถานที่จับกุม บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 15 ต.มิตรภาพ อ.แกดำ จ.มหาสารคาม
สืบเนื่องจาก เมื่อ 20 ม.ค.2567 มีคนร้าย 2 คน เข้าไปก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองเยาวราช สาขาห้างโลตัสไชยา หมู่ที่ 2 ต.เวียง อ.ไชยา จว.สุราษฎร์ธานี
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุ พบว่าคนร้ายที่ 1 ยืนอยู่ข้างร้าน แล้วกระโดดขึ้นที่ตู้ใส่ทอง กวาดสร้อยทองบนถาดแขวนทองใส่กระเป๋าสะพาย แล้วกระโดดข้ามตู้ใส่ทองออกไป คนร้ายที่ 2 ถืออาวุธปืน 2 กระบอก ยืนอยู่หน้าร้านเพื่อคอยช่วยเหลือป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้ามา
ต่อมา จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้ร่วมกับชุดสืบสวนภาค 8 สืบสวนจนทราบว่ามีผู้ที่ร่วมกันกระทำความผิดจำนวน 5 คน โดยแบ่งหน้าที่กันทำ ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบบริเวณสถานที่เกิดเหตุ พบว่าก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 วัน ผู้ต้องหา ประกอบด้วย
นายอโนชาฯ อายุ 33 ปี,
นายโชค (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี,
นายสรายุทธฯ อายุ 38 ปี
ได้เข้ามาที่ห้างเทสโก้โลตัส สาขาไชยา เพื่อสังเกตุการณ์ดูลาดเลาไว้ก่อนแล้ว ต่อมาในวันที่ 20 ม.ค. 2567 เวลาประมาณ 18.56 น. นายอโนชาฯ ทำหน้าที่ชี้เป้า เข้ามาภายในบริเวณห้างเทสโก้โลตัส สาขาไชยา เพื่อดูลาดเลาอีกรอบ แล้วส่งสัญญาณให้นายสรายุทธฯ ขับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีดำ
โดยมีนายภูวดล ซ้อนท้าย ขับเข้ามาจอดบริเวณลานจอดรถของห้างเทสโก้ โลตัส สาขาไชยา ใกล้กับจุดที่นายอโนชา จอดรถจักรยานยนต์ โดยนายสรายุทธฯ ซึ่งเป็นคนขับ และนายภูวดล ซึ่งเป็นคนนั่งซ้อนท้าย เดินเข้าไปถึงร้านทองที่เกิดเหตุ
นายสรายุทธฯ ได้ชักอาวุธปืนสั้นออกมาแล้วกระโดดข้ามเคาร์เตอร์ร้านทอง เข้าไปกวาดสร้อยทองคำข้อมือน้ำหนัก 1 บาท 27 เส้น สร้อยคอทองคำ 2 สลึง 13 เส้น รวมมูลค่ากว่า 1,200,000 บาท ส่วนนายภูวดลฯ ทำหน้าที่คอยคุ้มกัน บริเวณหน้าร้านทองที่เกิดเหตุ โดยชักอาวุธปืนสั้นออกมา 2 กระบอก เหวี่ยงไปมา เมื่อได้ทองคำมาแล้วก็วิ่งไปขับรถจักรยานยนต์หลบหนี
ต่อมาชุดสืบสวนได้พบรถจักรยานยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ จมอยู่ในคลองท่าไร ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร ส่วนนายสรายุทธ และนายภูวดลฯ นั้นได้หลบหนีต่อไป โดยมีนายอโนชา, นายโชค และนายจิ๊กโก๋ พาหลบหนีไปด้วยรถจักรยานยนต์อีก 3 คัน สำหรับสร้อยทองคำที่ได้มาจากการปล้นนั้น นายสรายุทธฯ ได้เดินทางไปหลายจึงหวัด ตั้งแต่สงขลา ไปถึงระยอง ชลบุรี กรุงเทพมหานคร เพื่อตระเวนขายสร้อยทองคำ
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.การ., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป., สั่งการให้ พ.ต.ท.หัตถพล ทองคำ รอง ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ต.ธีระพงษ์ คงเขียว สว.กก.5 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ดำเนินการ
กระทั่ง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้ทำการสืบสวนทราบว่านายสรายุทธฯ ได้หลบหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่ อ.แกดำ จ.มหาสารคาม จึงได้ประสานการปฏิบัติกับชุดหนุมานกองปราบ เพื่อวางแผนเข้าทำการจับกุม ส่วนพวกที่เหลือที่ได้ร่วมกันก่อเหตุนั้นยังคงหลบหนีกบดานอยู่ในพื้นที่ จว. สุราษฎร์ธานี ทางชุดสืบสวนภาค 8 ก็ได้ร่วมกันวางแผนเข้าทำการจับกุม จนทำให้สามารถทำการจับเอาไว้ได้ จากการสอบถามนายสรายุทธฯ ให้การรับว่าขายสร้อยทองหมดไปแล้ว ได้เงินสดมาประมาณ 650,000 บาท ได้นำเงินไปใช้หนี้ และเล่นการพนันออนไลน์หมดแล้ว จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไชยา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย