คืบหน้า ลำดับเหตุการณ์ 'ช่างกิตบางบ่อ' ปมอุ้มฆ่าหนุ่มโรงงาน วัย 33 ปี

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับนิติบุคคลของหมู่บ้านที่ นายธนาสันต์ เตอั้น หรือใหม่ อายุ 33 ปี ผู้ตายพักอาศัยอยู่ ย่าน ตำบลแพรกษา อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อไปพูดคุยกับนิติบุคคลและของดูภาพกล้องวงจรปิดของหมู่บ้าน เพื่อไล่ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 

 

 

ภาพจากกล้องวงจรปิดหลายตัวของหมู่บ้านสามารถจับภาพ เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2567 เวลา 21.25 น. กล้องหน้าหมู่บ้าน สามารถจับภาพ นายกิติโชติ แพไพมูล หรือ ช่างกิตบางบ่อ อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในแก๊งอุ้มฆ่าหนุ่มโรงงาน วัย 33 ปี

ได้ขับรถยนต์เก๋งสีแดง เข้ามาในหมู่บ้านโดยมีได้เปิดกระจกแลกบัตรเข้าหมู่บ้าน ต่อมา เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2567 เวลา 22.05 น. กล้องหน้าหมู่บ้าน สามารถจับภาพ ผู้ก่อเหตุ ได้ขับรถยนต์เก๋งสีแดง เข้าหมู่บ้านโดยไม่ได้เปิดกระจกและไม่ได้แลกบัตรเข้าหมู่บ้านแต่ที่กันเปิดออกให้ คาดว่าน่าจะใช้คีย์การ์ดสำหรับเข้าหมู่บ้าน 

ต่อมา เมื่อเวลา 22.06 น. กล้องริมถนนหลักของหมู่บ้าน สามารถจับภาพ ผู้ก่อเหตุ เปิดไฟสูงขับรถผ่านหน้ากล้องไปทางท้ายหมู่บ้าน 

ต่อมากล้องบริเวณหน้าปากซอยบ้านผู้ตาย เมื่อเวลา 22.07 น. สามารถจับภาพ ผู้ก่อเหตุ ได้ขับรถเข้าไปที่บ้านของผู้ตาย ก่อนจะถ่อยออกมา แล้วถอยไปยังท้ายซอยของถนนหลักหมู่บ้าน ก่อนจะขับไปทางหน้าหมู่บ้าน 

 

ต่อมา เมื่อเวลา 22.26 น. ผู้ตาย ได้เข็นรถจักรยานยนต์ออกมาจากบ้าน และล็อกประตูรั่วก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ออกไปทางหน้าหมู่บ้าน ต่อมา เมื่อเวลา 22.27 น. กล้องบริเวณกลางซอย สามารถจับภาพ ผู้ก่อเหตุ ได้รถมุ่งไปทางหน้าหมู่บ้าน 

ผ่านไปสักพัก ผู้ตายได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังมา ก่อนที่จะขี่แซง รถของผู้ก่อเหตุขึ้นไป มุ่งไปทางหน้าหมู่บ้าน ต่อมากล้องบริเวณหน้าหมู่บ้าน สามารถจับภาพ ผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์ออกไปจากหมู่บ้าน

โดยใช้ทางรถจักรยานยนต์ซึ่งไม่มีไม้กั้น โดยมี "ผู้ก่อเหตุ" ขับรถตามหลังออกหมู่บ้านไป ก่อนจะไปถูก "อุ้มฆ่า" มัดมือมัดเท้า โยนร่างทิ้งบริเวณริมถนนเลียบมอเตอร์เวย์ ขาเข้า กรุงเทพมหานคร ต.บางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา 

 

ต่อมา เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2567 เวลา 00.01 น. กล้องบริเวณปากซอยบ้านผู้ตาย สามารถจับภาพ นายกิต "ช่างกิต บางบ่อ" ออกมาขยับรถจักรยานยนต์ ก่อนจะขับรถกระบะตู้ทึบ ถอยไปจอด ที่ริมถนนท้ายซอยของถนนหลักหมู่บ้าน ก่อนจะเดินกลับไปที่บ้านของผู้ตาย 

ต่อมา เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2567 เวลา 00.23 น. กล้องหน้าปากซอยบ้านผู้ตาย ซึ่งเป็นเหตุการณ์หลังจากพบศพของผู้ตาย "ช่างกิต บางบ่อ" ได้ขับรถยนต์กระบะสีขาวมา กับนางสาววรรณาพร หลักแหลม หรือพร อายุ 33 ปี ภรรยาของผู้ตาย ก่อนจะถอยรถเข้าไปจอดในบ้าน 

สักพัก"ช่างกิต บางบ่อ" ได้เดินออกมาพร้อมกระเป๋าสะพายข้างสีดำ เสื้อสีส้ม และผ้า เดินไปที่รถกระบะตู้ทึบของ "ช่างกิต บางบ่อ" ที่จอดอยู่ท้ายซอยของถนนหลักหมู่บ้าน สักพัก "ช่างกิต บางบ่อ" ได้เดินสวมเสื้อสีส้ม กลับไปที่บ้านของผู้ตาย 

 

ต่อมาเมื่อเวลา 00.30 น. นายกิต ได้เดินกลับไปที่รถกระบะตู้ทึบ แล้วเดินกลับไปที่บ้านผู้ตาย จนกระทั้งเมื่อเวลา 02.23 น. พ่อและแม่เลี้ยงของ นางสาวพร ไปขับรถมาที่บ้าน ของผู้ตาย พ่อของนางสาวพร เดินเข้าไปในบ้านได้สักพัก นายกิต และนางสาวพร ก็เดินออกมาหน้าบ้าน ก่อนที่ นายกิต จะเดินไปที่รถกระบะตู้ทึบที่จอดไว้ริมถนนหลักของหมู่บ้าน โดยมี นางสาวพร เดินไปส่ง 

ต่อมาเมื่อเวลา 02.29 น. คาดว่าน่าจะเป็นญาติของนางสาวพร ได้เดินไปตาม นางสาวพร กลับไปที่บ้าน ส่วน นายกิต ได้ขับรถกระบะตู้ทึบออกไปทางปากซอย 

ต่อมาเมื่อเวลา 02.33 น. กล้องบริเวณหน้าหมู่บ้าน สามารถจับภาพ นายกิต ขับรถกระบะตู้ทึบออกจากหมู่บ้านไป โดยในมือเล่นมือถืออยู่ จากการตรวจทะเบียนรถพบว่าเป็นคันเดียวกับที่ นายกิต ไปจอดที่ปั้มก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ารวบตัว 

 

 

และตอนเวลา 09.04 น. กล้องหน้าหมู่บ้าน สามารถจับภาพ นางสาวพร และญาติ ได้ขับรถเดินทางไปข้างนอก เพื่อทำเรื่องรับศพของผู้ตาย 

นายมานะ คุณปรีชา ประธานหมู่บ้าน กล่าวว่า จากที่ดูกล้องวงจรปิด วันที่ 21 มกราคม เขาเข้ามาต้อนนั้นยังไม่มีคีย์การ์ดก็แลกบัตรประชาชนปกติ เจ้าหน้าที่ก็ทำการแลกบัตรปกติและจดบันทึกและเอาบัตรประชาชนชี้ไปที่กล้องวงจรปิด เพื่อให้รู้ว่าบุคคล คนนี้ได้เข้ามามาในหมู่บ้าน

ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ทีนี้กล้องวงจรปิดก็จะเห็นหน้าตาของคนขับชัดเจน พอมาดูกล้องวันที่เกิดเหตุ เป็นวันที่ 27 มกราคม เวลาประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ ก็มีรถผู้ต้องสงสัยเข้ามาในหมู่บ้านจากกล้องวงจรปิดการเข้ามาไม่มีการแลกบัตรประชาชนแต่เป็นการใช้คีย์การ์ดเข้ามา 

 

 

แต่การสแกนคีย์การ์ดเขาไม่ได้ลดกระจกแต่เอาคีย์การ์ดมาแตะตรงกระจกสแกนเข้ามาโดยระยะมันได้ มันก็เลยเข้ามาในหมู่บ้านได้โดยที่กล้องวงจรปิดไม่สามมารถจับภาพคนขับได้ ด้วยความที่เขามีคีย์การ์ด รปภ.ก็เลยไม่สงสัยอะไร

ทีนี้ก็มีข้อสงสัยว่าเขาเอาคีย์การ์ดมาจากใคร อันนี้ก็ต้องเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังสืบหาข้อมูล ตนเชื่อว่าอีกไม่กี่วันก็จะสืบได้ว่าคีย์การ์ดนี้เป็นของใคร หลังจากที่เขาเข้าไปแล้วก็วนอยู่ในซอย 26 ซึ่งเป็นซอยบ้านของผู้เสียชีวิต และผู้เสียชีวิตได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกมามาประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ แล้วขับมาจนถึงกลางๆ ซอย 

เท่าที่ดูกล้อง อันนี้เห็นพร้อมๆกัน ก็คือรุถเก๋งจะปาดเข้ามาก่อนที่มอเตอร์ไซค์จะมาถึง แล้วมอเตอร์ไซค์จึงแซงรถเก๋งคันนั้นแล้วออกจากหมู่บ้านไป ช่วงเวลา 22.18 น. ประมาณนี้ แล้วรถเก๋งก็ตามติดไปเลย 

คือเรื่องที่ทางภรรยาผู้ตายซื้อคีย์การ์ดช่วงเดือนธันวาคม ตนยังไม่ได้เปิดเผยที่ไหนเพราะว่าอยู่ในช่วงของการสืบสวนสออบสวน แต่ตอนนี้เราได้ตัวผู้กระทำผิดแล้วก็สามารถที่จะพูดได้ คือภรรยาของผู้เสียชีวิต มาขอซื้อคีย์การ์ดกับตนส่งมาทางไลน์ วันที่ 28 ธันวาคม ตนให้เอามาฝากไว้ที่ รปภ. เขาก็เอามาฝากที่ รปภ.แล้วเขาก็ได้คีย์การ์ดจากลุงกี้ ประมาณวันที่ 1 มกราคม แล้วนำไปฝากไว้ที่ รปภ. คือเขาน่าจะได้คีย์การ์ดไปแล้ว 

 

 

นายมานะ ยังกล่าวอีกว่า ในหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งตนเป็นประธานหมู่บ้าน และมีคณะกรรมการอีกประมาณ 11 ท่าน เรื่องความปลอดภัย เนื่องจากว่าค่าส่วนกลางอยู่ประมาณ 200 บาทครัวเรือน

ซึ่งหมู่บ้านของเราก็มีอยู่ประมาณ 430 หลังคาเรือน ตนเล็งเห็นความปลอดภัยของหมู่บ้านสิ่งสำคัญ รปภ.ต้องมี ซึ่งเรามี กะเช้า และกะกลางคืน อย่างละ 1 คน 

ด้วยค่าส่วนกลางที่ค่อนข้างน้อย และก็มีระบบคีย์การ์ด ซึ่งถ้าเป็นคนในหมู่บ้านก็จะมีคีย์การ์ด ถ้าใครไม่มีคีย์การ์ดก็จะต้องแลกบัตรแล้วเอาบัตรโชว์ที่กล้องเพื่อให้รู้ว่า 

คนๆนี้ได้เข้ามาที่หมู่บ้านและทุกครั้งที่แลกบัตรคนที่เข้ามาต้องลดกระจกและจะกล้องวงจรปิดจับที่หน้าของคนขับและที่สำคัญกล้องวงจรปิดของหมู่บ้านมีทั้งหมด 64 ตัว ตนเชื่อว่าความปลอดภัยอยู่ในเกณฑ์ 80% เรื่องของความภัยตนเต็มที่แล้ว