กรมชลประทาน วิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ปรับแผนระบายน้ำสำรองไว้ใช้ฤดูฝนหน้า
กรมชลประทาน ตั้งโต๊ะวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ หลังมีการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งทั้งประเทศไปแล้ว 52% เตรียมปรับแผนระบายน้ำสำรองไว้ใช้ฤดูฝนหน้า
วันนี้ (12 ก.พ. 67) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (swoc) อาคาร 99 ปี หม่อมหลวงชูชาติ กำภู กรมชลประทาน ถนนสามเสน ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1-17 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่าง ๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องและเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ต่อไป
สำหรับสถานการณ์น้ำปัจจุบัน (12 ก.พ. 67) พบว่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 53,435 ล้าน ลบ.ม. (70% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 15,039 ล้าน ลบ.ม. (60% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) กรมชลประทานได้วางแผนจัดสรรน้ำช่วงฤดูแล้งปี 2566/67 ตามปริมาณน้ำต้นทุนที่มี ด้วยการจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นหลัก รักษาระบบนิเวศ การเกษตร อุตสาหกรรม และสำรองไว้ใช้ในต้นฤดูฝนหน้าตามลำดับ จนถึงขณะนี้มีการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งทั้งประเทศไปแล้วกว่า 12,771 ล้าน ลบ.ม. (52%) เฉพาะลุ่มเจ้าพระยามีการใช้น้ำไปแล้วประมาณ 4,557 ล้าน ลบ.ม. (53%) ปัจจุบันทั้งประเทศมีการเพาะปลูกข้าวนาปรังไปแล้ว 8.38 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 145 ของแผนฯ เฉพาะลุ่มเจ้าพระยา มีการเพาะปลูกข้าวนาปรังไปแล้ว 5.63 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 186 ของแผนฯ ด้านสถานการณ์ค่าความเค็มยังอยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้ แต่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ขอความร่วมมือจากเกษตรกรโดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาที่เก็บเกี่ยวนาปรังรอบแรกแล้วเสร็จ ขอให้งดทำนาปรังรอบสองเพื่อลดความเสี่ยงที่ผลผลิตจะเสียหายจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอ โดยจะมีการพิจารณาปรับลดการระบายน้ำลง เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้อุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ รวมทั้งสำรองไว้ใช้ช่วงต้นฤดูฝนหน้า พร้อมกำชับไปยังโครงการชลประทานทั่วประเทศให้ติดตามสภาพอากาศและการคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ในการบริหารจัดการน้ำรายพื้นที่ได้อย่างสอดคล้องและเหมาะสม ตลอดจนประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ถึงสถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับรู้รับทราบอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง