วิกฤต! ฝุ่น PM 2.5 จ.สระแก้ว พุ่ง อยู่ในระดับสีแดง รณรงค์งดเผา หวังลดผลกระทบ
สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 จ.สระแก้ว พุ่งระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งและพื้นที่มลพิษทางอากาศสูง แนะนำให้สวมหน้ากากอนามัย พร้อมเร่งรณรงค์งดเผา หวังลดผลกระทบ ขณะที่การเผาไร่อ้อยในพื้นที่ จ.สระแก้ว เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวัน
วันนี้ (15 ก.พ. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.สระแก้ว รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศจังหวัดสระแก้ว จากเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ ที่สวนกาญจนาภิเษก ร.9 (ฝั่งสวนหิน) ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เมื่อช่วงเวลา 09.00 น.เป็นต้นมา พบว่า ดัชนีคุณภาพอากาศ หรือ AQI พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ระดับสีแดง 212 สูงที่สุดในรอบปี 2567 ส่วนปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ก็พุ่งไปอยู่ที่ระดับสีแดงเช่นกัน 86.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้คุณภาพอากาศในพื้นที่ จ.สระแก้ว มีผลกระทบต่อสุขภาพ มีการแจ้งเตือนว่า ทุกคนควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีผลพิษทางอากาศสูง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีความจำเป็นหรือหากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยผลการวิเคราะห์คุณภาพอากาศ พบว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ดังกล่าว อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบ พร้อมกับแจ้งเตือนให้คนในพื้นที่สวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ และมีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการเผาในพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะไร่อ้อย และหมอกควันจากการเผาในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านหรือหมอกควันข้ามแดน ที่พัดเข้ามาในฝั่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน จ.สระแก้ว ได้จัดกิจกรรมรณรงค์งดการเผาทุกประเภท เพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) จังหวัดสระแก้ว ที่อุทยานแห่งชาติตาพระยา ต.ทัพราช อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว โดยนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เดินทางไปร่วมกิจกรรม โดยมีนายวัฒนพงษ์ พงศ์กิจจาเลิศ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสระแก้ว นำหน่วยงานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อุทยานแห่งชาติตาพระยา เกษตรจังหวัด อบต.ทัพราช กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่เกือบ 500 คน เข้าร่วมเปิดกิจกรรมและรณรงค์งดการเผาทุกประเภท เพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) จังหวัดสระแก้ว เนื่องจากในช่วงฤดูหนาวจนถึงฤดูแล้งของทุกปี จังหวัดสระแก้วประสบปัญหามลพิษปกคลุมและเกิดสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เกินเกณฑ์มาตรฐานบางช่วงเวลาในหลายพื้นที่ในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายนของทุกปี กอปรกับสภาพการไหลเวียนและถ่ายเทอากาศไม่ดี การกระจายตัวของฝุ่นละอองอยู่ในระดับต่ำ จึงทำให้เกิดการสะสมของฝุ่นละอองในบรรยากาศมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น
นายวัฒนพงษ์ พงศ์กิจจาเลิศ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า การเผาและไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและสุขภาพอนามัยของประชาชน ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ของปัญหามลพิษที่ปกคลุมจนทำให้เกิดสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เกินเกณฑ์มาตรฐานในพื้นที่เกิดจากมีการเผาในพื้นที่ป่าและการเผาในที่โล่ง พื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่ริมทาง และพื้นที่ชุมชนเมือง และผลกระทบจากหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ข้ามพรมแดนที่เกิดจากการเผาในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสระแก้ว มีแนวทางในการตอบโต้สถานการณ์ โดยเริ่มจากช่วงก่อนวิกฤติ ระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ โดยให้รายงานข้อมูลและแจ้งเตือนสถานการณ์ การระดมสรรพกำลัง การเคลื่อนกำลังจากพื้นที่อื่นเข้าในพื้นที่เสี่ยง และการลาดตระเวนเฝ้าระวัง และดับไฟป่า ส่วนช่วงวิกฤติ ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม โดยใช้ระบบบัญชาการเหตุการณ์ การบังคับใช้กฎหมาย การลาดตระเวนเฝ้าระวังดับไฟ การดำเนินมาตรการลดฝุ่นละอองและการประสานการปฏิบัติกับจังหวัดข้างเคียงและประเทศเพื่อนบ้าน และในช่วงฟื้นฟูและสร้างความยั่งยืน โดยการฟื้นฟูพื้นที่ป่าที่ถูกเผาไหม้ การส่งเสริมเครือข่ายเกษตรกรชุมชนปลอดการเผา การส่งเสริมการมีส่วนร่วมภาคเอกชนและประชาชน และช่องทางความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยได้รับความร่วมมือบูรณาการดำเนินงานจากทุกภาคส่วนด้วยดี ร่วมถึงการกำหนดจัดกิจกรรมการณรงค์งดการเผา เพื่อประชาสัมพันธ์และแสดงออกถึงการเตรียมความพร้อมรับมือช่วงวิกฤติที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้
ขณะที่ นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า กิจกรรมรณรงค์งดการเผาทุกประเภท เพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) จังหวัดสระแก้ว ตนในฐานะผู้อำนวยการจังหวัด ขอให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญและถือเป็นวาระของจังหวัดที่ทุกภาคส่วน ต้องร่วมมือกันในการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) อย่างจริงจัง และขอขอบคุณที่ทุกภาคส่วนได้เสียสละเวลามาร่วมกันรณรงค์งดการเผาฯ ทุกประเภท เพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) จังหวัดสระแก้วต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ตลอดช่วงระยะเวลาตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค.67 เป็นต้นมา ทีมีการเปิดหีบอ้อย มีการลักลอบเผาในพื้นที่การเกษตรจำนวนมากทุกวันจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะชาวไร่อ้อย ที่มักเผาเพื่อให้แรงงานชาวกัมพูชาสามารถตัดอ้อยส่งโรงงานได้อย่างรวดเร็ว โดยการเผาดังกล่าวมักเกิดขึ้นในช่วงเช้ามืดระหว่าง 04.00-06.00 และในช่วง 18.00-21.00 น.ของทุกวัน ซึ่งจะพบเห็นการเผากระจายกันในพื้นที่หลายอำเภอ ที่มีการปลูกอ้อยกว่า 500,000 ไร่ อาทิ อำเภอวัฒนานคร, อำเภอคลองหาด ,อำเภอเมืองสระแก้ว ,อำเภออรัญประเทศ ,อำเภอวังน้ำเย็น และอำเภอวังสมบูรณ์ ที่มีพื้นที่การปลูกอ้อยจำนวนมาก ทำให้ช่วงระยะเวลาที่เกิดอากาศปิด ไม่มีลมพัด จึงส่งผลให้สถานการณ์คุณภาพอากาศจังหวัดสระแก้วพุ่งสูงขึ้นดังกล่าว