ชายต่างชาติ-เมียคนไทย ไหว้สวยขอโทษแล้วปมเตะหลังหมอ อ้างโมโหจนขาดสติ
สำนึกผิด! ชายต่างชาติ-เมียคนไทย ไหว้สวยขอโทษปมเตะหลังหมอสาว อ้างโมโหจนขาดสติ คิดว่าเป็นกลุ่มคนจีนมาบุกรุก
ความคืบหน้ากรณีแพทย์หญิงรายหนึ่ง ร้องถูกชายชาวต่างชาติ เจ้าของศูนย์อนุรักษ์ช้าง เตะเข้าที่หลัง พร้อมกับด่าทออย่างหยาบคาย เหตุไม่พอใจที่นั่งตรงบันไดชายหาดหน้าบ้านซึ่งเป็นพูลวิลล่าหรู ในพื้นที่ ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต แถมยังข่มขู่อ้างรู้จักนายตำรวจใหญ่
ล่าสุดวันนี้ (1 มีนาคม 2567) นายเดวิด ชายต่างชาติ ชาวสวิสเซอร์แลนด์ พร้อมภรรยาคนไทย และทนายความ ได้เดินทางเข้าพบรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อกล่าวคำขอโทษสำหรับเหตุการณ์ข้อพิพาทกับแพทย์หญิง ที่ไปนั่งชมพระจันทร์ที่บันไดหน้าวิลล่า
โดย นายเดวิด ได้ยกมือไหว้ขอโทษชาวไทยทุกคนสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมบอกเสียใจมาก ที่ผ่านมารักเมืองไทยมาก แม้ตนเป็นชาวสวิตเซอแลนด์ แต่ตอนนี้เมืองไทยคือบ้าน ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะบานปลายขนาดนี้ พร้อมอธิบายถึงสาเหตุที่อารมณ์เสียและทำพฤติกรรมแบบนั้นว่า 'ทุกสัปดาห์มักจะมีคนเข้ามาที่บริเวณดังกล่าวที่นายเดวิดคิดว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัว และก่อนหน้านั้นยังมีกลุ่มชาวจีนประมาณ 7 - 8 คน เข้ามาในพื้นที่สนามหญ้า จึงทำให้เกิดความกังวลว่ากลุ่มคนพวกนี้จะเข้ามาทำอะไรที่ไม่ดีกับภรรยา'
ทางด้าน ภรรยาของนายเดวิด อธิบายถึงเหตุการณ์ชาวจีนบุกรุกเข้ามาบริเวณวิลล่าว่า วันดังกล่าวตนกำลังว่ายน้ำอยู่ ส่วนสามีไม่อยู่บ้าน คนจีนไม่ได้เดินมาแค่สนามหญ้า แต่เข้ามาถึงบริเวณสระว่ายน้ำ จึงทำให้สามีเกิดความกังวลว่าหากวันไหนที่ตนอยู่คนเดียวอาจจะถูกทำร้ายได้เพราะตรงนั้นเป็นสถานที่เปิด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายเดวิดอ้างว่าไม่ได้เตะหลังคุณหมอ แต่เป็นการลื่นแล้วเท้าไปโดนหลัง
เมื่อถามต่อว่าแล้วทำไมวันนั้นถึงไม่ขอโทษ นายเดวิด อ้างว่า เนื่องด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มีคนเข้ามาในพื้นที่ส่วนบุคคล จึงเกิดความโมโห พร้อมยืนยันว่าไม่ได้พูดเหยียดคุณหมอว่า local thai
ภรรยานายเดวิด กล่าวต่อว่า วันดังกล่าวตนขึ้นไปนอนแล้ว แต่สามีโวยวายเรียกให้ลงมาแบบงัวเงีย เลยเข้าใจว่าเป็นกลุ่มคนจีนกลุ่มเดิมที่เคยบุกรุกเข้ามา ยอมรับว่าตอนนั้นโมโหจนขาดสติ ตนขอโทษจากใจจริงที่แสดงมารยาทที่ไม่น่าให้อภัย ขอโทษที่ทำให้ภูเก็ตเสียหาย รู้สึกเสียใจ ขอโทษทุกอย่าง จะให้ตนทำอย่างไรก็ยินดี ส่วนประเด็นเรื่องอ้างตำรวจยศใหญ่ ตอนนั้นตนยอมรับว่าโมโห และรู้จักกับท่านรองฯจริง จึงได้โทรไปหาให้ส่งตำรวจมาหน่อย เพราะคู่กรณีไปแจ้ง รปภ.ว่าถูกทำร้ายร่างกาย ส่วนลูกชายเป็นเพียงนายสิบเท่านั้น