อธิบดีกรมทะเล ลงพื้นที่หาสาเหตุหญ้าทะเลตาย 'พะยูน' ลดลง
อธิบดีกรมทะเล ลงพื้นที่หาสาเหตุวิกฤตหญ้าทะเลตรังตาย "พะยูน" ลดลง เจอตะกอนปริศนาทับถมแนวหญ้าทะเล นำตัวอย่างวิเคราะห์หาที่มา สุดสงสาร พบเจ้าหมูน้ำหากินด้วยความลำบาก เชื่อน้องคงพยายามอย่างหนักเพื่อให้อิ่มท้อง
จากกรณีวิกฤตหญ้าทะเลตรัง เสื่อมโทรมตายลงเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อแหล่งอาหารของ "พะยูน" ฝูงสุดท้ายของประเทศไทย รวมทั้งสัตว์ทะเลหายากอื่นๆ ขณะที่เมื่อวันที่ 5-11 มีนาคม ที่ผ่านมา ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง (ศวอล.) ได้ทำการบินสำรวจ และใช้อากาศยานไร้คนขับบินสำรวจ เพื่อนับประชากรสัตว์ทะเลหายากที่เหลือรวมทั้งพะยูน ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของจังหวัดตรัง ผลการสำรวจเบื้องต้น พบพะยูนเพียง 36 ตัว พบพะยูนคู่แม่-ลูก จำนวน 1 คู่ เป็นตัวเลขที่ลดฮวบลงจาการสำรวจในปี 2566 ที่ผ่านมาที่เคยพบถึง 194 ตัว พะยูนแม่ลูก 12 คู่ นั้น
ล่าสุด วันนี้ (13 มี.ค.) นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) พร้อมด้วย ดร.ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิจัยทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง , ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง และทีมนักวิทยาศาสตร์ทางทะเลกรม ทช. ร่วมกับทีมคณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินงานและแก้ไขปัญหาการเสื่อมโทรมของแหล่งหญ้าทะเลในบริเวณจังหวัดตรังและจังหวัดกระบี่ ที่แต่งตั้งโดยอธิบดีกรมทช. ลงพื้นที่เก็บข้อมูลสำรวจสถานการณ์ปัญหาวิกฤตหญ้าทะเลตรัง รวมทั้งสถานการณ์พะยูน อย่างเร่งด่วนอีกครั้ง
โดยคณะได้ล่องเรือจากท่าเรือปากเมง ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง เพื่อสำรวจตามแนวโครงการขุดลอกร่องน้ำปากเมงของกรมเจ้าท่าที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ก่อนจะไปสมทบกับคณะทำงานที่กำลังลงพื้นที่สำรวจแปลงหญ้าทะเลแปลงใหญ่บริเวณหน้าเกาะมุกด์ อำเภอกันตังในช่วงน้ำลงต่ำสุด โดยปรากฏพื้นที่หญ้าทะเลเสื่อมโทรมเป็นบริเวณกว้าง ทั้งหญ้าคาทะเลที่มีใบขาดสั้นจากที่เคยมีความยาวเกือบ 1 เมตร บางส่วนทั้งใบและเหง้ามีภาวะแห้งตาย รวมทั้งหญ้าใบมะกรูดที่มีสภาพเสื่อมโทรม โดยคณะทำงานได้นำเอาเทคโนโลยีการบินสำรวจพะยูนด้วย UAV Lider scan และการสำรวจชายฝั่งด้วย USV เพื่อจัดทำแบบจำลองลักษณะสมุทรศาสตร์กายภาพท้องนำมาใช้ในปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปิ่นสักก์ได้ลงมือขุดลงไปบนพื้นทรายเพื่อต้นหาตำแหน่งของเหง้าหญ้าคาทะเลด้วยตัวเอง โดยพบว่าต้องขุดลึกลงไปมากกว่าปกติ เนื่องจากมีตะกอนทรายทับถมค่อนข้างหนา ต้องขุดลงไปราว 10-15 เซนติเมตร จึงจะเจอโคนใบและเหง้า จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำการเก็บตัวอย่าง ทั้งหญ้าทะเล เหง้า น้ำ และหน้าดินนำสู่การทดสอบในห้องปฏิบัติการเพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุ ชนิดและที่มาของตะกอนต่อไป
ขณะที่บริเวณน้ำตื้นใกล้ๆกัน ปรากฏมีพะยูนตัวใหญ่กำลังลอยตัวกินหญ้าทะเลอยู่ โดยมีพฤติกรรมใช้ปากดุนไปตามพื้นทรายเพื่อหาหญ้าทะเลซึ่งมีอยู่จำนวนน้อย ทำให้พะยูนต้องเคลื่อนที่เพื่อหาหญ้าอยู่ตลอดเวลา โดยนายปิ่นสักก์ได้ยืนสังเกตการณ์อยู่ไม่ไกลพร้อมถ่ายภาพบันทึกไว้ด้วย ทราบภายหลังว่าพะยูนตัวดังกล่าวเป็นเพศผู้ ชื่อ "เจ้าลาย" เป็นพะยูนดาวดังประจำเกาะมุกด์ ที่คุ้นเคยกับคน และมักจะหากินหญ้าทะเลอยู่ตามแนวชายฝั่ง
นายปิ่นสักก์ เปิดเผยหลังลงพื้นที่ว่า ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รมว.ทส. รับทราบปัญหาก็ได้สั่งการให้กรมทช.หาสาเหตุที่ชัดเจนเพื่อแก้ปัญหาให้ถูกจุดและยั่งยืน พร้อมอนุมัติงบศึกษาวิจัยที่คณะทำงานเสนอไปทั้ง 8 โครงการ โดย 1 เดือนมี่ผ่านมาเราได้ลงพื้นที่ พบว่ามีปัญหาเกิดขึ้นจริง โดยสมติฐานทีอยู่หลายด้าน เช่น จากโรค จากเต่ากิน จากตะกอนเปลี่ยนแปลง หรือ จากปัญหาโลกรวน แต่การลงพื้นที่รอบที่แล้วไม่สามารถสรุปได้ว่าอะไรคือสาเหตุหลัก
เราจึงแยกทีมทำงานกัน ทั้งทีมจากกรมทช. ทีมมาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทีมจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อวิเคราะห์ว่าอะไรเป็นปัญหาหลัก พบว่าเรื่องโรคน่าจะไม่ใช่สาเหตุหลัก เรื่องเต่าทะเลก็ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้หญ้าทะเลเสื่อมโทรมลง แต่หลังเสื่อมโทรมแล้วเต่าที่มีปริมาณเท่าเดิม รวมทั้งพะยูนได้มารุมกินหญ้าทะเลที่เหลืออยู่
"สาเหตุหลักที่หลงเหลืออยู่ คือ การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของตะกอน เพราะพบว่าหญ้าทะเลที่ตายเกิดจากการที่มันติดแห้งนานกว่าปกติ ทำให้ใบแห้งตาย แต่ในโซนที่อยู่ในทะเลไม่ได้ตายในอัตราส่วนเดียวกัน การสำรวจตะกอนในรอบนี้เราต้องการจะรู้ว่าน้ำและท้องทะเลเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
โดยเรามีทีมโดรนสำรวจในวงกว้าง ตรงไหนที่ติดแห้งสามารถใช้โดรนเรด้าวัดค่าได้เลย ตรงไหนที่อยู่ในน้ำเราใช้เรือสำรวจแบบติดคลื่นสัญญาณ มีการวัดระดับความลึกของท้องทะเลเพื่อให้รู้ว่าสาเหตุติดแห้งเป็นสาเหตุหลักหรือไม่ และพื้นที่ไหนที่ติดแห้งนาน โดยทีมจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะสำรวจและจำลองว่าตะกอนดังกล่าวมาจากไหน มาจากการขุดลอกหรือไม่ และทีมจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จะรวมข้อมูลตะกอนที่เปลี่ยนไปว่ามีผลต่อสัตว์หน้าดินหรือไม่ เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดเพื่อจะได้ให้ยาได้ถูกโรค" อธิบดีกรมทช.กล่าว
นายปิ่นสักก์ กล่าวด้วยว่า ตอนนี้การเปลี่ยนแปลงเรื่องตะกอนในทะเลมี 2 สมมติฐาน คือ การขุดลอกร่องน้ำ และ ปัญหาโลกร้อน ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ระดับน้ำต่ำลงผิดปกติ และในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา บางช่วงระดับน้ำต่ำกลงกว่า 40 เซนติเมตร ตอนนี้อาจารย์ในหลายมหาวิทยาลัยกำลังจะทำการศึกษาเรื่องตะกอนทะเลร่วมกัน เพื่อติดตามและวิเคราะห์องค์ประกอบของตะกอนทะเล เพื่อดูว่าตะกอนที่เพิ่มขึ้นเป็นตะกอนตัวเดียวกับตะกอนที่ขุดลอกหรือไม่ ซึ่งต้องใช้หลักวิชาการมายืนยัน โดยจะใช้เวลาวิเคราะห์ประมาณ 1 เดือน
สำหรับการประสานระหว่างหน่วยงานในการขุดลอกที่อาจส่งผลกระทบ มาตรการต้องเป็นมาตรการที่อยู่ร่วมกัน กิจกรรมทำได้ แต่ต้องก่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด และไม่ทำกิจกรรมที่ไม่สมควรทำ เรามีการประกาศเขตสงวนอยู่แล้วว่าโครงการไหนทำได้ทำไม่ได้ บางโครงการต้องทำ EIA แต่ในการดำเนินการหากมีช่องโหว่ต้องไปปรับตรงนั้น และการทำกิจกรรมต่างๆต้องกลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม
กรมทช.มีแผนจะไปหารือกับกรมเจ้าท่าอยู่แล้ว การสำรวจจึงถือว่ามีความจำเป็น เพราะต้องคุยกันบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ตอนนี้เรื่องตะกอนมันมีมิติว่าในการเก็บตัวอย่างในบางจุดมันมีองค์ประกอบที่มีสัดส่วนเป็นทรายเพิ่มขึ้น มีลักษณะเป็นเฉพาะจุด เป็นพื้นที่ แต่ไม่อยากให้ด่วนสรุป เพราะแหล่งหญ้าทะเลไม่ได้เสียหายเฉพาะที่จังหวัดตรัง แต่ยังเสียในจังหวัดกระบี่ และมาเลเซียก็มีปัญหาเดียวกับเรา
อธิบดีกรมทะเล บอกด้วยว่า สถานการณ์วิกฤตในขณะนี้ด้านผลกระทบต่อสัตว์และผลกระทบต่อมนุษย์ เต่าทะเล และ พะยูน เป็นสัตว์สงวนที่เป็นสัตว์สำคัญของจังหวัดตรัง ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเราบินสำรวจในพื้นที่จังหวัดตรัง และ กระบี่ จากเดิมที่เราเคยพบกว่าร้อยตัว ตอนนี้พบเพียง 30 กว่าตัว แต่ขอเรียนว่าในสัปดาห์นั้นมีคลื่นลมและสภาพน้ำไม่ดี อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้หาตัวพะยูนพบน้อยกว่าปกติ แต่มันก็อาจจะเคลื่อนย้ายไปที่อื่นจริง แต่เชื่อว่าส่วนที่หายไปนั้นไม่ตาย เพราะเราไม่พบซาก หากตายซากจะลอยและเครือข่ายชาวประมงจะพบ ซึ่งปลายเดือนมีนาคมนี้ เราจะบินสำรวจใหม่โดยทีมชุดใหญ่ จะบินให้ครอบคลุมพื้นที่มากกว่าเดิม ใช้ทีมบินมากกว่า เดิมโดยกองทัพอากาศจะเข้ามาช่วยด้วย เพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ต้องหาคำตอบให้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพะยูนมีการย้ายแหล่งหากินออกนอกเขตอนุรักษ์ จะเพิ่มปัจจัยเสี่ยงหรือไม่ นายปิ่นสักก์ กล่าวว่า หากเคลื่อนย้ายไปที่อื่น ก็ต้องดูว่าพื้นที่นั้นมีภัยคุกคามหรือไม่ ขณะนี้เรายังเน้นย้ำถึงเรื่องการบินสำรวจพะยูนว่ามีจำนวนเท่าไหร่ อยู่ที่ไหน รวมทั้งดูว่าถ้าอพยพไปที่อื่นจะมีหญ้าทะเลพอหรือไม่ และเรามีการตรวจสุขภาพพะยูนทั้งซากที่เจอ และพะยูนในทะเล ดูว่าว่ายน้ำปกติหรือไม่ รูปร่างผิดปกติหรือไม่ หรือถ้าพบพะยูนป่วยเรากับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัยตรัง ได้ร่วมมือกันจะอนุบาลพะยูนอยู่แล้วโดยทีมสัตวแพทย์ เตรียมยา เตรียมแผนจัดการอาหารไว้แล้ว
เมื่อถามอีกว่า "พะยูน" เป็นสัตว์สงวน และสัตว์ตามบัญชีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์(ไซเตส) วิกฤตที่เกิดขึ้น จะส่งผลต่อภาพการอนุรักษ์ของประเทศไทยหรือไม่ อธิบดีกรมทช. กล่าวว่า ตนเชื่อว่าการระดมทุกสรรพกำลังในเรื่องเหล่านี้ เป็นเครื่องยืนยันให้ต่างชาติเห็นว่าเราใส่ใจเรื่องพะยูน รวมทั้งดูแลบ้านให้พะยูนด้วย เป็นการทุ่มเทเพื่อดูแลอนุรักษ์พะยูนในประเทศไทยและในจังหวัดตรัง
แผนรับมือเฉพาะหน้ากับ "พะยูน" ที่อาจจะมีอาการป่วย และเกยตื้นเพิ่มอีกหลังจากนี้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
1.การสำรวจให้รู้ว่าพะยูนอยู่ที่ไหน มีเท่าไหร่ และอาหารพอหรือไม่สำหรับบ้านหลังใหม่หากพะยูนมีการย้ายถิ่น
2.มีการตรวจสุขภาพของพะยูนทั้งซากที่พบและพะยูนในธรรมชาติที่สัตวแพทย์ได้ลงไปดูว่าว่ายน้ำได้ปกติหรือไม่ รูปร่างอ้วน-ผอม หรือสมบูรณ์ดีหรือไม่ ถ้าพบมีอาการป่วยทางกรมทช.กับมหาวิทยาลัยราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง มีบ่ออนุบาลพะยูนพร้อมสัตวแพทย์ ทั้งนี้ ได้ปรึกษากับทางอาจารย์แล้ว ได้จัดเตรียมเรื่องยารักษาโรค พร้อมแผนจัดการและอาหาร หากมีพะยูนป่วยจริงทางกรมฯก็พร้อมในการดูแลเข้มงวดกว่าเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะน้ำกำลังขึ้นพบพะยูนเจ้าถิ่นว่ายน้ำหากินถึงตัวอธิบดี ส่วนจุดที่น้ำยังท่วมไม่ถึงพบร่องพะยูนหากินในลักษณะใช้ปากขุดดินลึกลงไปดินทราย เพื่อกินหญ้ามะกรูด อาหารของมันจนลึกเห็นผืนทรายสีขาวเป็นทางยาว เชื่อคงใช้ความพยายามอย่างหนักในการหากินหญ้าเพื่อให้อิ่มท้อง เพราะสภาพหญ้าเสื่อมโทรมมีจำนวนน้อย