ศิษยานุศิษย์เศร้า 'สมณะโพธิรักษ์' มรณภาพ ด้วยโรคชรา สิริอายุ 89 ปี

ศิษยานุศิษย์เศร้า "สมณะโพธิรักษ์" ผู้นำทางจิตวิญญาณแห่งสำนักสันติอโศก มรณภาพ ด้วยโรคชรา สิริอายุ 89 ปี เวลา 06.40 น. วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน 2567

กรณีสิ้น "สมณะโพธิรักษ์" ผู้นำทางจิตวิญญาณแห่งสำนักสันติอโศก เปิดภาพล่าสุด

$อัปเดต ศิษยานุศิษย์เศร้าสิ้น \'สมณะโพธิรักษ์\' สิริอายุ 89 ปี$

น่าจับตาว่า หลังสิ้น สมณะโพธิรักษ์ ใครจะเป็นผู้นำสันติอโศก และสันติอโศกจะแตกแยกหรือไม่อย่างไร เนื่องจากตอนนี้ ยังไม่มีเบอร์สองรองจากสมณะโพธิรักษ์

$อัปเดต ศิษยานุศิษย์เศร้าสิ้น \'สมณะโพธิรักษ์\' สิริอายุ 89 ปี$

ทั้งนี้ ศิษยานุศิษย์เศร้า "สมณะโพธิรักษ์" ผู้นำทางจิตวิญญาณแห่งสำนักสันติอโศก มรณภาพแล้ว สิริอายุ 89 ปี โดยเพจเฟซบุ๊ก "บุญนิยมทีวี" ได้โพสต์ข้อความระบุว่า "แจ้งข่าว พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ มรณภาพ ด้วยโรคชรา เวลา 06.40.10 น. วันพฤหัสบดี 11 เมษายน 2567"

$อัปเดต ศิษยานุศิษย์เศร้าสิ้น \'สมณะโพธิรักษ์\' สิริอายุ 89 ปี$

เปิดประวัติ "สมณะโพธิรักษ์" ผู้นำทางจิตวิญญาณแห่งสำนักสันติอโศก

สมณะโพธิรักษ์ มีชื่อเดิมว่า มงคล รักพงษ์ เกิดวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2477 ที่จังหวัดศรีสะเกษ

ในวัยเด็กอาศัยอยู่กับมารดาที่จังหวัดอุบลราชธานี ภายหลังได้เข้ามาศึกษาชั้นมัธยมที่กรุงเทพฯ เมื่อเรียนจบมัธยมปลายก็ได้เข้าศึกษาต่อ ที่โรงเรียนเพาะช่าง แผนกวิจิตรศิลป์ และได้เปลี่ยนชื่อเป็น รัก รักพงษ์

ขณะที่กำลังเรียนอยู่ได้เข้าทำงานที่ บริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด เป็นผู้จัดรายการ เป็นรายการเกี่ยวกับเด็ก, การศึกษา และวิชาการ นอกจากงานทางสถานีโทรทัศน์แล้ว ก็ยังทำงานเป็น ครูพิเศษ สอนศิลปะตามโรงเรียน นักแต่งเพลง[1] และเด็กส่งหนังสือพิมพ์

ต่อมาได้หันมาศึกษา พุทธศาสนาและได้อุปสมบทในคณะธรรมยุติกนิกาย ณ วัดอโศการาม เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2513 ได้รับฉายาว่า โพธิรกฺขิโต มีพระราชวรคุณ (สำรอง คุณวุฑฺโฒ) เป็นพระอุปัชฌาย์

2 เมษายน พ.ศ. 2516 พระโพธิรักษ์ ได้เข้ารับการแปรญัตติฯ เป็นพระของคณะมหานิกายอีกคณะหนึ่ง โดยมิได้สึกจากคณะธรรมยุต ที่วัดหนองกระทุ่ม จ.นครปฐม

โดยมีพระครูสถิตวุฒิคุณ เป็นอุปัชฌาย์ เนื่องจากมีพระคณะมหานิกายเข้ามาร่วมศึกษา และปฏิบัติตามพระโพธิรักษ์ แต่พระราชวรคุณ ซึ่งเป็นอุปัชฌาย์ ไม่ต้องการ ให้พระฝ่ายมหานิกายเข้ามาศึกษาด้วย

$อัปเดต ศิษยานุศิษย์เศร้าสิ้น \'สมณะโพธิรักษ์\' สิริอายุ 89 ปี$

25 เมษายน พ.ศ. 2516 พระโพธิรักษ์ได้คืนใบสุทธิให้ฝ่ายธรรมยุต ถือไว้แต่ใบสุทธิ ฝ่ายมหานิกาย อย่างเดียว

6 สิงหาคม พ.ศ. 2518 พระโพธิรักษ์และคณะ ได้ประกาศ นานาสังวาส กับมหาเถรสมาคม (ประกาศลาออกจากมหาเถรสมาคม) และได้รับความคุ้มครอง ตามมาตรา 15 ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย

เนื่องจากถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่านอกรีต จากการปฏิบัติที่เคร่งครัดของพระโพธิรักษ์และคณะ ได้แก่ ฉันอาหารมังสวิรัติ, ฉันอาหารวันละ 1 มื้อ, ไม่ใช้เงินทอง, นุ่งห่มผ้าย้อมสีกรัก, ไม่มีการเรี่ยไร, ไม่รดน้ำมนต์-พรมน้ำมนต์, ไม่ใช้การบูชา ด้วยธูปเทียน, ไม่มีไสยศาสตร์ฯ

ในภายหลัง พระโพธิรักษ์ และคณะ ได้รับการพิพากษาว่าเป็น ผู้แพ้ ไม่สามารถ เรียกขานตนเองว่า พระ ได้ จึงเรียกตนเองว่า สมณะ แทน และยังคงปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเหมือนเดิม

คติธรรมสอนใจ "สมณะโพธิรักษ์"

อาริยทรัพย์ ทรัพย์ประเสริฐ

ชีวิต เกิด แล้วก็เดินทางไปกับการดำเนินชีวิตตามกาละ
ชั่วระยะการเดินทางไป...นี่แหละ คือ ความสำคัญ
หากไม่มีปัญญารู้จักวิถีแห่งการดำเนินชีวิต
ชีวิตก็จะสะสมบาป สะสมกิเลสเป็นมรดก
ให้แก่ตนไปทั้งชาติ....
น่าเสียดายที่ได้เกิดมาเป็น "คน"
ซึ่งมีคำสอนอันวิเศษของพระพุทธเจ้า
ที่ตรัสรู้ทางสุดประเสริฐ
ที่จะพาชีวิตคนสะสมทรัพย์ประเสริฐ
เป็นมรดกให้แก่ตนได้แท้จริง
ผู้รู้ตัว รู้สัจจะนี้แล้ว อย่าชักช้าเป็นอันขาด
รีบมาสะสมเอาอาริยทรัพย์นี้ให้ได้
พึงเพียรพึงสะสมทรัพย์แท้ของความเป็นคน
อย่างมิรอช้า
เวลาไม่รอท่ามนุษย์คนใดเลย
ลาภวัตถุ ยศชั้น สรรเสริญ โลกียสุขใด
ก็ไม่ใช่ทรัพย์แท้ของมนุษย์หรอก
"กรรม" เท่านั้นที่เป็นทรัพย์แท้ๆ ของคนทุกคน
จงสะสมแต่ "กรรมบุญ" เถิด
ชีวิตจะได้ไม่เสียท่าที่ได้เกิดมา เป็น "คน"
และได้พบพุทธศาสนา

พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ 3 ตุลาคม 2547

$อัปเดต ศิษยานุศิษย์เศร้าสิ้น \'สมณะโพธิรักษ์\' สิริอายุ 89 ปี$

การทำตนให้สภาพภายนอกของเรา
"ดี" ไว้เสมอนั้น
ก็ดีมากแล้วสำหรับมนุษย์
ยิ่งได้ทำ "ใจ" ของเราให้สะอาด
ไม่สะสมความพยาบาท
ไม่สะสมความใคร่อยาก
ไม่สะสมความเบียดเบียนให้ได้ก็ยิ่ง
"ดียิ่ง" ขึ้นไปอีก
และนั่นแหละทางเดินไปสู่นิพพานแท้ๆ

พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ 29 ธันวาคม 2519

$อัปเดต ศิษยานุศิษย์เศร้าสิ้น \'สมณะโพธิรักษ์\' สิริอายุ 89 ปี$